Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Tag: Bartlett

  • War of the Ghosts

    War of the Ghosts ในคืนหนึ่ง ชายหนุ่มสองคนจากอีกูแล็ค (Egulac) เดินลงไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเพื่อที่จะล่าสิงโตทะเล โดยในขณะนั้นบรรยากาศที่ริมแม่น้ำเต็มไปด้วยหมอกและเงียบสนิทมาก  จนกระทั่งชายหนุ่มสองคนไ้ด้ยินเสียงคนต่อสู้กันแว่วมา พวกเขาจึงคิดว่าอาจจะมีคนกำลังสู้รบกันอยู่บริเวณนั้น ชายหนุ่มทั้งสองคนจึงหนีขึ้นไปหลบอยู่หลังต้นไม้ริมฝั่ง  และไม่นานก็มีเสียงปืนใหญ่ตามมา, พร้อมกับที่พวกเขาได้ยินเสียงของไม้พายที่กระทบกับน้ำ, พร้อมกับเร่ิมมองเห็นเรือแคนนูกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้  มีชายห้าคนอยู่บนเรือแคนนู, แล้วชายคนหนึ่งบนเรือก็ถามชายหนุ่มทั้งสองว่า “พวกคุณจะว่าอย่างไรถ้าพวกเราจะพาพวกเจ้าล่องขึ้นไปเหนือน้ำด้วยกันเพื่อที่จะไปทำสงคราม” ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงตอบไปว่า “ข้าไม่มีธนู” “ธนูมีอยู่มากมาย ภายในเรือนี้” คนในเรือตอบ “ข้าคงจะไม่เดินทางไปกับพวกท่าน, ข้าอาจจะถูกฆ่าตายก็ได้ และก็ยังไม่ได้บอกญาติเอาไว้ด้วยว่าข้าจะเดินทางไปไหน … แต่เจ้า” หนึ่งในชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนของเขา “เจ้าอาจจะเดินทางไปกับพวกเขาได้”  ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงได้ออกเดินทางไปพร้อมกับเรือแคนนู ในขณะที่อีกคนหนึ่งได้กลับไปบ้าน เหล่านักรบในเรือแคนนูได้เดินทางขึ้นไปยังต้นแม้น้ำ ยังเมือ งฝังตรงข้ามกับคาลาม่า (Kalama) ซึ่งคนจากเมืองนั้นก็ล่องลงมา แล้วสองฝ่ายก็ต่อสู้กัน มีคนถูกสังหารมากมาย  ชายหนุ่มได้ยินเสียงนักรบคนหนึ่งพูดออกมาว่า “เร็ว, พวกเราต้องกลับแล้ว: อินเดียคนนั้นถูกยิง”  ชายหนุ่มก็คิดในใจว่า “โฮ่, พวกเขาต้งเป็นผีแน่เลย” เพราะชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกเจ็บตรงไหน, แล้วพวกเขาจะพูดได้อย่างไรว่าชายหนุ่มถูกยิง เมื่อเรือแคนนูกลับมายังอีกูแล็ค, ชายหนุ่มก็กลับขึ้นฝั่งแล้วก็กลับไปที่บ้านของเขา, เขาจุดกองไฟขึ้น, และได้พูดกับทุกคนในบ้านว่า “ รู้มัย, ข้าได้เดินทางไปกับพวกผีแหละ…

  • War of the Ghosts

    War of the Ghosts ในคืนหนึ่ง ชายหนุ่มสองคนจากอีกูแล็ค (Egulac) เดินลงไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเพื่อที่จะล่าสิงโตทะเล โดยในขณะนั้นบรรยากาศที่ริมแม่น้ำเต็มไปด้วยหมอกและเงียบสนิทมาก  จนกระทั่งชายหนุ่มสองคนไ้ด้ยินเสียงคนต่อสู้กันแว่วมา พวกเขาจึงคิดว่าอาจจะมีคนกำลังสู้รบกันอยู่บริเวณนั้น ชายหนุ่มทั้งสองคนจึงหนีขึ้นไปหลบอยู่หลังต้นไม้ริมฝั่ง  และไม่นานก็มีเสียงปืนใหญ่ตามมา, พร้อมกับที่พวกเขาได้ยินเสียงของไม้พายที่กระทบกับน้ำ, พร้อมกับเร่ิมมองเห็นเรือแคนนูกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้  มีชายห้าคนอยู่บนเรือแคนนู, แล้วชายคนหนึ่งบนเรือก็ถามชายหนุ่มทั้งสองว่า “พวกคุณจะว่าอย่างไรถ้าพวกเราจะพาพวกเจ้าล่องขึ้นไปเหนือน้ำด้วยกันเพื่อที่จะไปทำสงคราม” ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงตอบไปว่า “ข้าไม่มีธนู” “ธนูมีอยู่มากมาย ภายในเรือนี้” คนในเรือตอบ “ข้าคงจะไม่เดินทางไปกับพวกท่าน, ข้าอาจจะถูกฆ่าตายก็ได้ และก็ยังไม่ได้บอกญาติเอาไว้ด้วยว่าข้าจะเดินทางไปไหน … แต่เจ้า” หนึ่งในชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนของเขา “เจ้าอาจจะเดินทางไปกับพวกเขาได้”  ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงได้ออกเดินทางไปพร้อมกับเรือแคนนู ในขณะที่อีกคนหนึ่งได้กลับไปบ้าน เหล่านักรบในเรือแคนนูได้เดินทางขึ้นไปยังต้นแม้น้ำ ยังเมือ งฝังตรงข้ามกับคาลาม่า (Kalama) ซึ่งคนจากเมืองนั้นก็ล่องลงมา แล้วสองฝ่ายก็ต่อสู้กัน มีคนถูกสังหารมากมาย  ชายหนุ่มได้ยินเสียงนักรบคนหนึ่งพูดออกมาว่า “เร็ว, พวกเราต้องกลับแล้ว: อินเดียคนนั้นถูกยิง”  ชายหนุ่มก็คิดในใจว่า “โฮ่, พวกเขาต้งเป็นผีแน่เลย” เพราะชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกเจ็บตรงไหน, แล้วพวกเขาจะพูดได้อย่างไรว่าชายหนุ่มถูกยิง เมื่อเรือแคนนูกลับมายังอีกูแล็ค, ชายหนุ่มก็กลับขึ้นฝั่งแล้วก็กลับไปที่บ้านของเขา, เขาจุดกองไฟขึ้น, และได้พูดกับทุกคนในบ้านว่า “ รู้มัย, ข้าได้เดินทางไปกับพวกผีแหละ…

Don`t copy text!