Category: Uncategorized
-
Mikhail Bakunin
—
by
มิคาอิล บากุนิน (Михаил Александрович Бакунин ,Mikhail Aleksandrovich Bakunin)นักปราชญ์ผู้เป็นบิดา ผู้ปูแนวคิดอนาธิปไตย (Anarchism) ประวัติศาสตร์บอกว่าเขาเป็นคู่แข่งของคาร์ล มาร์กบากุนิน เกิดเมื่อ 30 พฤษภาคม 1814 แต่ว่าวันเกิดที่แน่นอนยังเป็นที่ถกเกียงกัน เขาเกิดในเมืองปรีมุคิโน่ (Premukhino) ในจังหวัดทีเวอร์ กูเบอร์เนีย (Tver Gubernia) เป็นลูกชายคนโตในครอบครัว บิดาของเขาเป็นอดีตนักการโทษ และเป็นเจ้าของที่ดิน พ่อของเขาอาศัยอยู่ในปารีสระหว่างที่เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส จบปริญญษเอกทางด้านปรัชญาในพาดัว (Padua) ชื่นชอบในผลงายของรุสโซ่ มารดาของเขามาจากตระกุล มาราฟยอฟ (Maravyov) ซึ่งญาติของนางหลายคนเกี่ยวข้องกับการลุกฮือในเดือนธันวาคม 1825 ของกลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญบากุนิน เติบโตในครอบครัวที่สวยงาม มีน้องสาวอีกสี่คน และพ่อที่เข้มงวดในวิถึชีวิตของลูกๆ เข้าเรียนที่โรงเรียนการยิงปืนใหญ่ในเซนต์ ปีเตอร์เบิร์ก หลังจากเรียนจบก็เข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าทหารรักษาความปลอดภัย แต่ว่านั้นทำให้พ่อของเขาโกรธและต้องการให้เขาย้ายไปทำงานในตำแหน่งอื่นในกองทัพ ตัวบากุนินเองไม่ค่อยชอบชีวิตของทหารนั้น เขาค่อนข้างกดดัน จนทำให้ไม่ชอบสังคม และหันไปหางานทางด้านหนังสือแทน หัวหน้าของเขาเห็นใจเขาแต่ว่าก็ไม่มีทางเลือกระหว่างภาระกิจของเขากับสภาพจิตใจ เขาบอกให้บากุนินเลือกระหว่างการเป็นทหารหรือว่าจะลาออกไป และบากุนินก็เลือกที่จะออกจากทหารในปี 1835ปี 1836 บากุนิน เดินทางไปมอสโคว์เพื่อเรียนทางด้านปรัญชา ตอนนั้นเองที่เขาถึงรู้สึกว่าชีวิตของเขามีความหมายมากขึ้น เขาชอบที่จะอยู่ตามกลางวงสนธนา ดังประเด็นต่างๆ ขึ้นมาสนทนา…
-
Saint Basil
—
by
เซนต์ เบซิล (Saint Basil) หรือ วาสิลี เบลเซนนี (Vasily Blazhenny) เป็นนักบุญในนิกายรัสเซียออโธด๊อก เขาเกิดในครอบครัวทาสในเดือนธันวาคมปี 1468 หรือ 1469 ในเมืองเยโลโคโว (Yelokhovo) ใกล้กับมอสโคว์ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมอสโคว์ ในครอบครัวที่ใกล้ชิดกับศาสนา แม่่ของเขาหมั่นภาวนาให้ลูกที่เกิดมา ครอดมาอย่างปลอดภัยและง่าย เขาทำงานเป็นเด็กฝึกงานในร้านทำรองเท้าในมอสโคว์ และคอยลักขโมยอาหารตามร้านของชำเพื่อเอาไปมอบให้แก่คนยากที่หิวโหย ครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่งแวะมาที่ร้านทำรองทำ เพื่อหารองเท้าบูทดีๆ สักคู่ที่สามารถใส่ได้ทดทานสักหนึ่งปี เบซิลหัวเรา และกล่าวว่า ชายคนนั้นไม่จำเป็นต้องมีรองเท้าบูทหรอก เพราะพรุ่งนี้เขาก็จะตายแล้ว ซึ่งวันต่อมาคำทำนายของเบซิลได้กลายเป็นจริงเบซิลอาศัยอยู่ในจตุรัสแดง ในมองโคว์ ครั้งที่มันยังเปิดให้มีการตั้งร้านค้าเป็นตลาดหลักแห่งหนึ่งอยู่ ครั้งหนึ่ง เบซิล คว้างขนมปังของพ่อค้าทิ้งลงพื้น พ่อค้าขนมปังสารภาพว่าเขาใส่น้ำมะนาวลงในแป้ง ในปี 1547 เบซิล มาอยู่ที่วิหารใจกลางมอสโคว์เพื่อทำการสวดมนต์ เขาหลังน้ำตาออกมาในระหว่างสวดมนต์ด้วย และในวันต่อมาเกิดไฟใหม่ใหญ่ในกรุงมอสโคว์ โดยเปลวเพลิงเริ่มลุกไหม้จากวิหารที่เบซิลได้สวดมนต์ เบซิล แก้ผ้าพร้อมด้วยตรวนตัวเอง เดินไปหาซาร์อีวาน จอมโหด (Ivan IV) ต่อว่าซาร์ว่าไม่ค่อยสนใจดูแลศาสนา และชอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เชื่อว่าเบซิล เสียชีวิตในวันที่ 2 สิงหาคม…
-
Nestor Makhno
—
by
เนสเตอร์ แมก์คโน (нестор иванович махно,Nestor Ivanovich Makhno) Makhno (Mikhno หรือ Mikhnevich) เกิดในหมุ่บ้านกุลเยย โพล (Gulyay Pole) ในเขตเอคาเธอริโนสลาฟ (Ekaterinoslav Region) ในปี 1888 27 ตุลาคม ( 8 พฤศจิกายน ปฏิทินปัจจุบัน) ในครอบครัวชาวประมงที่มีฐานะยากจนมาก โดยเขาเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 5 คน มีเรื่องเล่ากันว่าผ้าที่พระใช้คลุมร่างเขาในพิธีศีลจุ่มเมื่อตอนเด้กนั้น เกิดติดไฟขึ้นมา แต่ในบันทึกของพ่อของเขาเอง บอกว่าลูกชายเกิดในปี 1889 ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้กันประจำในหมู่รัสเซียเพื่อให้ลูกชายได้เข้าเป็นทหารช้าลง ชีวิตของแมก์คโน ตั้งแต่วัยเล็กอยู่ด้วยความยากลำบากเพราะว่าพ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่เขาอายุได้เพียงสิบเดือน ตอน 8 ขวบเขาเข้าเรียนที่โรงเรียนประถมของโบสถ์ใกล้บ้าน เป็นเวลา 4 ปี ระหว่างนี้เขาเกิดหลงไหลการเล่นเสก็ต และหลายครั้งที่ออกจากบ้านไปโรงเรียนในตอนเช้าพร้อมหนังสือ แต่ว่าไม่ได้เข้าเรียน แต่ใช้เวลาไปเล่นเสก็ต และขาดเรียนเป็นอาทิตย์ เมื่อแม่ของเขาทราบผลการเรียนที่แย่ของลูกชายก็ลงโทษด้วยการตีด้วยไม้เรียว จนเขานั่งไม่ได้เป็นอาทิตย์ หลังจากนั้นแมก์คโน ก็กลายเป็นนักเรียนที่่ขยันมาก ในฤดูหนาวเขาไปเรียนที่โรงเรียน…
-
Vitus Bering
—
by
วิตัส โจนาสเซน เบอริ่ง (Vitus Jonanssen Bering) เกิดในประเทสเดนมาร์ก เมืองฮอเซน , จัทแลนด์ (Horsens,Jutland) ในปี 1681 พ่อของเขาชื่อ โจนัส สเวนด์เซน (Jonas Svendsen ) เป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากร และแม่ของเขาแอนนา (Anna Pedersdatter Bering) เบอริ่งรักทะเลมาตั้งแต่ตอนยังเด็ก และออกทะเลพร้อมด้วยเรียนวิชาการเดินทะเลจากเรือทั้งจากเนเธอแลนด์และเดนมาร์กเอง เคยออกเดินทะเลไปกับเรือของบริษัทเดนิสอีสต์อินเดีย ปี 1703 ขณะอายุ 22 ปี เขาได้พบกับ นอร์เวเจียน ครุย์ส (Norwegian corneliis Cruys) รองผู้บัญชาการกองเรือรัสเซีย ซึ่งตอนนั้นกำลังมองหาลูกเรือจำนวนมาก ในอัมสเตอร์ดัม และเบอริ่งได้กลายเป็นหนึ่งในลูกเรือที่ถูกจ้าง ร่วมกับชาวเดนมาร์กและนอร์เวย์หลายสิบคน ทำให้ได้ประจำในกองเรือรัสเซีย ซึ่งตอนนั้นเป็นยุคของซาร์ปีเดอร์ ที่ 1 มหาราช เบอริ่งเข้าไปทำงานในกองเรือรัสเซียในทะเลบอลติก ซึ่งตอนนั้นรัสเซียทำสงครามทางทะเลกับสวีเดนอยู่ เรียกว่า the Great Nordic War (1700-1721)…
-
MOU 43
—
by
บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ปรารสนาที่จะกระชับความผูกพันแห่งมิตรภาพที่มีอยู่ระหว่างประเทศทั้งสองให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เชื่อว่าการปักปันเขติแดนทางบกระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาจะช่วยระงับความขัดแย้งตามชายแดนที่เกิดจากปัญหาเขตแดน และจะกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรที่มีอยู่ระหว่างประเทศทั้งสองให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและเอื้ออำนวยต่อการเดินทางแะความร่วมมือของประชาชนของประเทศทั้งสองตามแนวชายแดน ระลึงถึงแถลงการณ์ร่วมของนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยกับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาฉบับลงวันที่ 13 มกราคม 2537 (ปี ค.ศ. 1997) ซึ่งไดตกลงกันจะจัดตั้งคณะกรรมาธิการจัดทำหลักเขตแดนทางบกร่วมไทย-กัมพูชา ที่จะได้รับมอบหมายภารกิจให้จัดทำหลักเพื่อชี้แนวเขตแดนทางบกระหว่างประเทศทั้งสอง ได้ตกลงกันดังต่อไปนี่ ข้อ 1 จะร่วมกันดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างราชอาณาจักรไททยกับราชอาณาจักรกัมพูชาให้เป็นไปตามเอกสารต่อไปนี้ (ก) อนุสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแก้ไขเพื่มเติมข้อบทแห่งสนธิสัญญา ฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม รัตนโกสินทรศก 112 (ปี ค.ศ. 1893) ว่าด้วยดินแดนกับข้อตกลงอื่นๆ ฉบับลงนาม ณ. กรุงปารีส เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก 122 (ปี ค.ศ. 1904) (ข) สนธิสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ฉบับลงนาม ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 มีนาคม รัตนโกสินทรศก 125 (ปี ค.ศ. 1907) กับพิธีสารว่าด้วยการปักปันเขตแดนแนบท้ายสนธิสัญญาฉบับลงวันที่ 23…
-
twelve months
—
by
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหญิงม่ายคนหนึ่ง เธอมีลูกสาวอยู่ด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งชื่อว่า เฮเลน (Helen) เกิดกับสามีเก่าของเธอ ส่วนอีกคน มารัวคลา (Marouckla) เป็นลูกติดของสามีที่เกิดกับภรรยาเก่า หญิงม่ายจึงมีความรักให้แก่เฮเลนมากกว่า แต่ว่าเกลียดลูกเลี้ยงของเธอ เพราะว่าลูกเลี้ยงกับสวยกว่าลูกแท้ๆ ของเธอมาก มารัวคลาไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนสวย และไม่เข้าใจว่าทำไมแม่เลี้ยงจะต้องโกรธทุกครั้งเวลาที่พบหน้าเธอ มารัวคลาต้องรับหน้าที่ทำงานบ้านอย่างมาก ทั้งปัดกวาด ทำอาหาร ล้างงาน เย็บเสื้อผ้า รีดนมวัว และงานทุกอย่างภายในบ้าน เพียงลำพัง ส่วนเฮเลน ไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแต่งตัวสวย ไปนู้นนี้บ้างเท่านั้น แม้ว่ามารัวคลาจะไม่เคยปริปากบ่น แต่นั้นกลับทำให้สถานะการณ์ในบ้านรุนแรงมากขึ้น แม่เลี้ยงและพี่สาวกับใช้งานและรุนแรงกับเธอมาขึ้น อยู่มาวันหนึ่ง แม่เลี้ยงคิดว่าควรจะไล่มารัวคลาออกไปจากบ้าน เพราะว่าขืนมารัวคลายังอยู่ เฮเลนคงจะหาชายหนุ่มที่เหมาะสมมาแต่งงานด้วยไม่ได้แน่ เพราะแม้จะทำรุนแรงกับลูกเลี้ยงทุกวิถีทางแล้ว มันกลับทำให้มารัวคลากลายเป็นคนดี ฉลาดและมีเสน่ห์มากขึ้น อยู่ว่าวันหนึ่งในกลางฤดูหนาว เฮเลน แล้งเดินร้องไห้ไปหามารัวคลา แล้วขอร้องให้เธอออกไปหาดอกไวโอเลส ในป่ามาให้เธอ มารัวคลาตอบไปว่า “ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีดอกไวโอเลนบานในหิมะเลยนะ” “นีี่เจ้าจะไม่เชื่อที่ข้าสั่งเหรอ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ออกไปหาดอกไวโอเลสมาไม่อย่างนัั้นฉันจะฆ่าเธอ” เฮเลนตะหวาด ส่วนแม่เลี้ยงก็สนันสนุน โดยขู่ให้เธอทำตามเช่นกัน มารัวครา…
-
Golden Fish
—
by
กาลครั้งหนึ่งนานมากแล้ว เกาะแห่งหนึ่งชื่อว่าบุยาน (Buyan) บนเกาะแห่งนี้มีบ้านเรือนสร้างด้วยไม้อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งในบ้านเหล่านั้นมีชายหญิงแคระ ชราอาศัยอยู่ พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยฐานะที่ยากลำบาก ชายชรามีทำงานสานอวนและประมง แต่ว่าปลาที่จับมาได้นั้นมีจำนวนเล็กน้อยเหลือเกิน แค่พอประทั้งชีวิตในวันหนึ่งๆ เท่านั้น อยู่มาวันหนึ่งชายแก่นำแหออกไปทอดแห และเมื่อเหวี่ยงแหลงไปเขารู้สึกได้ว่ามีปลาติดแหแล้ว แต่ว่าแหกลับหนักผิดปกติ เขาคิดว่ามันคงเป็นปลาตัวใหญ่มาก แต่เมื่อดึงแหขึ้นมาจากน้ำแล้ว เขากลับพบว่าในแหว่างจนเกือบจะไม่มีอะไรเลย แต่ก็สังเหตุเห็นว่ามีปลาตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง มันต่างจากปลาทั่วไปตรงที่มันเป็นปลาทองคำ ทันใดนั้นเจ้าปลาทองคำก็พูดกับชายแก่ด้วยภาษามนุษย์ว่า “อย่าจับฉันไปเลย ชายแก่! ปล่อยข้ากลับไปยังทะเลเหอะ แล้วข้าจะทำประโยชน์ให้ท่านได้ ข้าจะหาสิ่งอะไรก็ตามที่ท่านต้องการมาให้” ชายแก่ใช้เวลาคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะบอกว่า “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเจ้าหรอก กลับทะเลของเจ้าไปซะเถอะ” จากนั้นชายแก่ก็เหวี่ยงเจ้าปลาทองคำกลับลงไปในน้ำทะเล เมื่อกลับไปบ้าน หญิงแก่ถามสามีว่าได้อะไรกลับมาบ้าง ชายชราก็บอกกับหญิงแก่ว่าเขาจับอะไรไม่ได้เลย นอกจากปลาเล็กๆ ที่เป็นทองคำตัีวเดียว และได้ปล่อยมันกลับมาบ้านแล้ว นั้นทำให้หญิงชราโกรธ และเอาแต่บ่นชายชราทั้งคืน “เจ้าโง่ เราแทบไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้ว นั้นคือสิ่งที่คุณทำ” ชายชราเดินด้วยความหง่อย ออกไปที่ชายฝั่ง ,เจ้าปลาทองคำ โผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเล และมันก็ถามชายชราว่าต้องการสิ่งใด , ชายแก่บอกว่าภรรยาของเขาต้องการขนมปังจำนวนหนึ่ง , ปลาทองคำบอกให้ชายชรากลับไปที่บ้าน แล้วเขาจะเจอกับขนมปังจำนวนมาก เมื่อชายชรากลับไปที่บ้านแล้วก็พบกับขนมปังมากมาย แต่ภรรยาของเขาก็เริ่มบ่นอีกว่า ถังซักผ้าที่บ้านมันทั้งเก่าและรั่่ว…
-
Vk ‘s invitation
—
by
Vkontakte.ru (Vk.com) เปลี่ยนกติกาการสมัครใช้บริการโซเซียลเน็ตเวิร์กของตนเองใหม่ เพื่อป้องกันโรบอท และแสปม ในการสร้างแอคเคาต์ โดยผู้ต้องการสมัครใช้ Vk จะเปิดให้สำหรับผู้ที่ได้รับคำเชิญจากสมาชิกปัจจุบันของ Vk เท่านั้น ไม่สารถสมัครเองได้โดยตรง Vk. มีสมาชิกอยู่ราว 110 ล้านคน และเมื่อมกราคม มีการปรับปรุงให้เว็บไซด์มีความไดนามิคมากขึ้น มี newsfeed ที่สามารถดูความเคลื่อนไหวของกรุ๊ปและเพื่อนได้เหมือน facebook และมีปุ๋ม like, page ขึ้นมาได้ แต่ในมกราคม ชายมอสโคว์วัย 26 ถูกดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ อัพโหลดเพลงว่า 18 เพลงของค่าย Nikitin Record เข้าไปใน Vk. และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 ปี นับเป็นดคีการละเมิดสิขสิทธิ์ครั้งแรก ที่เกี่ยวข้องกับสังคมออนไลน์นี้
-
Cheif theoretician of space programme
—
by
Chief theoretician of space programme Tags: Sci-Tech, Commentary, Russia, Mstislav Keldish Elena Kovachich 10.02.2011, 16:45 Colleagues called Mstislav Keldish, the outstanding mathematician the “Diamond head”. There would not have been a ballistic missile, first satellite or man’s first flight into space without his calculations. Russia marks his 100th birthday this year. Keldish was born on…
-
Multiculturalism fail : David Cameron
—
by
นายกรัฐมนตรีอังกฤษเดวิท คาเมรอน บรรยายในมิวนิค 5 กุมภาพันธ์ แปลจากฉบับภาษาอังกฤษในเว็บไซด์ Number10.gov.uk วันนี้ ผมต้องการที่จะโฟกัสปัญหาการก่อการร้าย ก่อนอื่น ขอชี้ปัญหาให้เห็นประเด็นบางคนวิจารณ์ว่ายุทธศาสตร์ป้องกันและความมั่นคงของอังกฤษ ทำให้ประเทศลดบทบาทตัวเองในเวทีโลกซึ่งผมจะขยายความให้ทราบความจริงแน่นอน , พวกเรากำลังประสบกับการขาดดุลงบประมาณ แต่ว่าเราจำเป็นต้องมั่นใจว่าระบบป้องกันประเทศของเราเข้มแข็ง อังกฤษจะยังคงต้องใช้งบประมาณให้ตรงเป้า 2% เพื่อใช้จ่ายเรื่องความมั่นคง เราให้งบประมาณกองทัพสูงเป็นอันดับสี่ของโลก ขณะเดียวกัน เราก็ใช้จ่ายมันให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเน้นไปที่การป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้ง อาคาร และการทำให้กองทัพทำงานได้อย่างยึดหยุ่น นี้ไม่ใช่การล่าถอย แต่เป็นการมุ่งมั่นไปข้างหน้า การตัดสินใจทำอะไรทุกครั้งต้องคิดแล้วคิดอีก อย่างแรก เราสนับสนุนปฏิบัติการของนาโต้ในอัฟกานิสถาน สอง เราส่งกำลังทหารเพิ่่มให้กับกองทัพ ดังที่รัฐบาลแชนเชลเลอร์ เมอรเกิ้ล เคยกล่าวไว้ว่าสิ่งที่สำคัญไม่ใช่การสร้างหน่วยงานรัฐให้ใหญ่ขึ้น ซึ่ีงตรงข้ามมันควรจะเล็กลงได้อีก แต่สิ่งที่จำเป็นคือนโยบายที่ี่สามารถสร้างกองทัพมากที่เราต้องการ มีพันธมิตร และประเทศเคียงบ่าเคียงไหล่ เข้าไปในสนามรบ และสาม ต้องมั่นใจได้ว่าอังกฤษจะสามารถปกป้องตัวเองจากภัยคุกคามใดๆ ได้ นั้นคือคำตอบว่าทำไม พวกเราต้องทุมเทในการพัฒนาระบบความปลอดภัยในไซเบอร์ และทุมเทให้กับการเตรียมความพร้อมในการรับสถานะการณ์ที่จะเกิดขึ้น ภัยคุกคามที่สำคัญที่สุดของเรามาจากปัญหาการก่อการร้าย ซึ่งน่าเสียใจที่หลายกรณีเกิดจากฝีมือพลเมืองของเราเอง มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องบอกว่าการก่อการร้ายนั้นไม่ได้เชื่อมโยงเฉพาะกลุ่มศาสนาใดหรือว่าเชื้อชาติใดเฉพาะ อังกฤษยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากคนที่มีความเห็นแตกต่างพวกอาชญากรเหล่านั้นเพิ่งจะก่อเหตุในกรีซและอิตาลีไม่ต่างจาก ตอนที่พวกคุณในที่นี้เข้าไปในเยอรมันแล้วรู้สึกหวาดกลัวการก่อการร้ายโดยพวกกองทัพแดง อย่างไรก็ตาม เราควรตระหนักว่า ภัยคุกคามเหล่านี้มาจากชายหนุ่มที่หลงไปกับการตีความที่ผิดของศาสนาอิสลาม คนเหล่านั้นสามารถที่จะระเบิดตัวเองและฆ่าเพื่อนร่วมชาติของเขาได้ อาทิตย์ที่แล้ว ที่ดาวอส ผมได้เตือนถึงความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจของยุโรป และวันนี้ หัวข้อมีความซับซ้อนกว่า ผมขอพูดถึงความมั่นคงซึ่งสำคัญอย่างที่สุด…
-
Tomb of Prophet Zechariah founded
—
by
นักโบราณคดีอิสราเอล คนพบหลุมฝังศพที่คาดว่าน่าจะเป็นของ นักพยากรณ์ เซคชาเรียช (Prophet Zechariah) ในซากโบสถ์ที่มีอายุกว่า 1500 ปี ใกล้กรุงเยรูซาเรม ซึ้งภายในโบราณสถานที่ถูกขุดพบนี้ พบโมเสค และเสาหินอ่อน ซึ่งน่าจะสร้างในยุคไบเซนไทน์ เซคชาเรียช เป็นผู้พยากรณ์ตามบันทึกในคำภีร์ฮิบรู เป็นผู้เขียนหนังสือ Book of Zechariah ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน 12 บท ของหนังสือ Minor Prophets (ไทย : ประกาศกน้อย) ซึ่งประกาศกน้อยเอง ก็รวมเข้ากับ คัมภีร์พันธสัญญาเดิม (The Old Testament) กรุงเยรูซาเลม แตกเมื่อปี 58ต9-587 ก่อนศริสตกาล ตอนนั้นชาวยิวถูกพาตัวไปยังอาณาจักรบาบิโลน แต่เมื่อปี 538 ก่อนคริสตกาล บาบิโลนก็แพ้สงครามให้กับ กษัตริย์ไซรัส แห่งอาณาจักรเปอร์เซีย ตอนนั้นกษัตริย์ไซรัส อนุญาตให้ชาวยิวเดินทางกลับไปยังเยรูซาเรมได้ ในช่วงที่มีการสร้างวิหารยิวแห่งที่สอง เชคซาเรียซ ปรากฏขึ้นในยุคเดียวกับนักพยากรณ์ชื่อ แฮกเกีย (Haggai) ซึ่งเขียนบทหนึ่งในประกาศกน้อย เชคซาเรียซ…