เจ้าชายลาซาร์ แห่งเซอร์เบีย (Лазар Хребељановић, Lazar Hrebeljanovic)
ผู้นำของดินแดน Moravian Serbia
ลาซาร์ เกิดประมาณปี 1329 ในค่ายทหารพรีเลแพ็ค (Prilepac fortress)ใกล้กับเมืองโนโว เบอร์โด (Novo Brdo) ราชอาณาจักรเซอร์เบีย (Kingdom of Serbia) ซึ่งในเวลานั้นพรีเลแพ็คเป็นแหล่งผลิตแร่ที่สำคัญของประเทศ
พริแบ๊ค (Pribac) พ่อของลาซาร์นั้นเป็นข้าหลวงอยู่ในราชสำนักของกษัตริย์สเตฟาน ดูซาน (Stefan Dusan) กษัตริย์เซอร์เบีย แห่งราชวงศ์เนแมนจิค (Nemanjic dynasty) ซึ่งกษัตริย์สเตฟาน ดูซาน ดำรงค์ตำแหน่งกษัตริย์ระหว่างปี 1331-1346 และดำรงค์ตำแหน่งจักรพรรดิในปี 1346-1355 กษัตริย์ดูซาน นั้นขึ้นครองราชย์มาด้วยการรัฐประหารโค่นล้มกษัตริย์สเตฟาน อูรอส ที่ 3 (King Stefan Uros III) พระบิดาของพระองค์เอง ด้วยการสนับสนุนจากชนชั้นสูงบางกลุ่ม ซึ่งหลังจากขึ้นครองราชย์ กษัตริย์ดูซานจึงได้ตอบแทนคนเหล่านี้ที่ภักดีต่อเขาอย่างงาม โดยที่พ่อของลาซาร์ก็เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนกษัตริย์ดูซาน
หลังกษัตริย์ดูซาน ครองราชย์ พระองค์ก็ทรงมอบตำแหน่ง สตาวิแล็ค (stavilac) ให้กับลาซาร์ โดย สตาวิแล็ค คือผู้ที่ทำหน้าที่ในการจัดพระกระยาหารในช่วงงานพระราชพิธี
ลาซาร์แต่งงานกับมิไลค่า (Milica) ธิดาของเจ้าชายวีแร็ตโก้ (Prince Vratko)
1346 กษัตริย์สเตฟาน ดูซาน สถาปนาตำแหน่งเป็นพระจักรพรรดิ (Emperor) โดยพระองค์ตั้งพระโอรส สเตฟาน อูรอส ที่ 5 (Stepan Uros V) เป็นพระจักรพรรดิปกครองประเทศร่วมกับพระองค์
1355 จักรพรรดิสเตฟาน ดูซาน สวรรคตอย่างกระทันหัน ขณะมีพระชนษ์เพียง 47 ชันษา และพระโอรส สเตฟาน อูรอส ที่ 5 ซึ่งมีพระชนษ์ 20 ชันษา ได้ครองราชเพียงพระองค์เดียว
1359 ดินแดนอีพิรัส (Epirus) ,เธสซาลี (Thessaly), บรานิเซโว่ (Branicevo) และ คุเซโว่ (Kucevo) ประกาศแยกดินแดนออกจากจักรวรรดิเซอร์เบีย
อำนาจของจักรพรรดิสเตฟาน อูรอส ที่ 5 ก็อ่อนแอลง ทำให้พระองค์เองตกอยู่ใต้การครอบงำของเจ้าชายโวจิสลาฟ (Prince Vojislav Vojinovic of Zahumlje)
1361 เจ้าชายโวจิสลาฟ ก่อสงครามกับสาธารณรัฐรากุซ่า (Republic of Ragusa) เพื่อแย่งชิงดินแดนพิพาท แต่ว่าสาธารณรัฐรากุซ่า ได้หาทางยุติสงคราม โดยส่งของบรรณาการมาให้กับลาซาร์ เหตุการณ์นี้ทำให้คาดคะเนได้ว่าลาซาร์เริ่มมีอำนาจในราชสำนักเซิร์บมากพอสมควรแล้วในเวลานี้
1363 เจ้าชายโวจิสลาฟ และสาธารณรัฐรากุซ่า บรรลุข้อตกลงยุติสงครามระหว่างกัน
กันยายน, เจ้าชายโวจิสลาฟสิ้นพระชนษ์อย่างกระทันหัน ซึ่งหลังการสิ้นพระชนษ์ของเจ้าชายโวจิสลาฟทำให้ลอร์ดวุกาซิน มิร์นยาฟเจวิชี (Vukasin Mrnjavčevićs) และลอร์ดโจวาน (Jovan Ugljesa) กลายเป็นลอร์ดที่มีอำนาจมากที่สุดในเซอร์เบีย
1365 ซาร์อูรอส ได้ทรงแต่งตั้งลอร์ดวุกาซิน (Vukasin Mrnjavčevićs) ขึ้นเป็นกษัตริย์ร่วมกับพระองค์ ในช่วงเวลานี้ลาซาร์ออกจากราชสำนัก และข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมในช่วงนี้ของเขาขาดหายไป นอกจากทราบว่าเขาไปเป็นลอร์ดอยู่ในต่างจังหวัดและถือครองเขตแดนจำนวนมาก ซึ่งเขตแดนของเขาอยู่ใกล้กับเขตแดนของลอร์ดตระกูลมิร์นยาฟเจวิชี (Mrnjavčevićs) ที่อยู่ทางใต้
1369 ลาซาร์สามารถโน้มน้าวให้ซาร์อูรอส ร่วมเปิดสงครามกับตระกูลมิร์นยาฟเจวิชี ทำให้เกิดสงครามระหว่างชาวเซิร์บด้วยกัน ซึ่งสงครามรบกับบริเวณทุ่งหญ้าในโคโซโว่ (Kosovo field) แต่ว่าลาซาร์นั้นหลบหนีจากการรบตั้งแต่เกิดการปะทะ ปล่อยให้พันธมิตรของเขาและซาร์อูรอสเป็นฝ่ายออกรบ ซึ่งฝ่ายของซาร์อูรอสนั้นแพ้ให้กับตระกูลมิร์นยาฟเจวิชี และซาร์อูรอสก็ถูกจับ
1370 ลาซาร์ยึดเมืองรุดนิค (Rudnik) มาจากอัลโตมาโนวิช (Altomanovic)
ในช่วงเวลานี้อาณาจักรอ๊อตโตมัน (Ottomans) ได้ขยายดินแดนเข้ามาประชิดกับดินแดนเซอร์เบียของตระกูลมิร์นยาฟเจวิชี ทางตะวันออก
1371 ราชวงศ์เนแมนจิค ถึงคราวสิ้นสุดลง เมื่อจักรพรรดิสเตฟาน อูรอส ที่ 5 สวรรคต โดยที่พระองค์ไร้รัชทายาท
26 กันยายน, (Battle of Marica) กองทัพของตระกูลมิร์นยาฟเจวิชี ปะทะกับกองทัพของอ๊อตโตมัน กษัตริย์วุกาซิน ถูกสังหารในสมรภูมิ
หลังการสวรรคตของกษัตริยวุซากิ้น เจ้าชายมาร์โก้ (Marko Mrnjavčević) รัชทายาทของพระองค์ จึงได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เซอร์เบียพระองค์ใหม่ ร่วมกับซาร์อูรอส
ธันวาคม, ซาร์อูรอส สวรรคตโดยที่พระองค์ไม่มีรัชทายาท ทำให้ราชวงศ์เนแมนจิคสิ้นสุดลง
ในขณะที่เจ้าชายมาร์โก้นั้น พระองค์ไม่ได้รัรบการยอมรับว่าเป็นผู้ปกครองเซอร์เบีย ทำให้ขุนนางตามหัวเมืองหลายแห่งพากันโจมตีเขตแดนอิทธิพลของตระกูลมิร์นยาฟเจวิชี ลาซาร์เองก็ได้ทำสงครามแย่งชิงเมือง พริสติน่า (Pristina), โนโว่ เบอร์โด (Novo Brdo) ซึ่งเคยเป็นของบรรพบุรุษของเขาคืนมา รวมถึงได้ค่ายทหารพรีเลแพ็ค กลับคืนมาด้วย ในขณะที่ลอร์ดนิโคล่า (Nokola Altomanovic) กลายเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในเซอร์เบีย
ลาซาร์ กับลอร์ดทรูตโก้ (Stephen Tvrtko) ซึ่งเป็นผู้ปกครองบอสเนีย (Bosnia) ในเวลานั้น ได้จับมือกันเป็นพันธมิตรในการต่อต้านลอร์ดนิโคล่า
1373 ลาซาร์ ได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์หลุยส์ ที่ 1 (King Louis I, of Hungary) แห่งฮังการี ในการรบกับลอร์ดนิโคล่า โดยที่ลาซาร์ให้คำมั่นที่จะภักดีต่อกษัตริย์หลุยส์ ที่ 1 จนกระทั้งเขาสามารถเอาชนะนิโคล่าได้ในที่สุด
หลังจากนิโคล่าแพ้สงครามแล้วในขณะที่ลอร์ดทรูตโก้ ได้สถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งเซิร์บและบอสเนียในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนี้ แต่เพราะว่าพระองค์เป็นแคโธลิคจึงไม่ได้รับการสนับสนุนเหล่านักบวชในเซอร์เบีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นออโธด๊อก ส่วนลาซาร์นั้นกลายเป็นลอร์ดผู้ที่มีอำนาจที่สุดในเซอร์เบีย นักบวชออโธดอกซ์หลายคนที่หนีภัยสงครามมาจากเขตที่อ๊อตโตมันรุกราน ก็ได้ลี้ภัยเข้ามาอยู่บริเวณเขาเอธอส (Mount Athos) ภายใต้การดูแลของลาซาร์ ทำให้นักบวชอ๊อกโธด๊อกซ์ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนลาซาร์
1379 ลาซาร์ขยายดินแดนในปกครองของตนเองไปจนถึงริมฝั่งแม่น้ำดานูบ (Danube) เมื่อสามารถตีดินแดน Kucevo, Branicevo มาจาก Radic Brankovic ที่สวามิภักดิ์ให้กับฮังการี
ดินแดนที่ลาซาร์ปกครองนั้นถูกเรียกว่า Moravian Serbia เป็นดินแดนที่ใหญ่ที่สุดของบรรดาลอร์ดเซอร์เบียด้วยกัน
ช่วงเวลานี้ ลาซาร์ เริ่มใช้คำว่า “Stefan” เป็นชื่อของเขา ตามค่านิยมของกษัตริย์ในราชวงศ์เนแมนจิค ที่ทุกพระองค์ใช้ชื่อสเตฟานหน้า คล้ายกับว่าเขาได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งเซอร์เบีย โดยอ้างว่าตนเองนั้นสืบเชื้อสายมาจากราชวงค์เนแมนจิค ซึ่งปกครองเซอร์เบียมานานกว่าสองร้อยปี แต่ว่าบรรดาชนชั้นสูงของเซอร์เบียในเวลานั้นกลับไม่ยอมรับลาซาร์ว่าเป็นกษัตริย์ของเซอร์เบีย และตำแหน่งอย่างเป็นทางการของลาซาร์นั้นเป็นเพียง “เจ้าชาย”
1382 กษัตริย์หลุยส์ ที่ 1.แห่งฮังการีสวรรคต ทำให้เกิดสงครามภายในฮังการีเอง ลาซาร์เองก็ได้ร่วมในสงครามภายในของฮังการีด้วย โดยเขานั้นเป็นฝ่ายต่อต้านเจ้าชายซิกิสมันด์แห่งลักเซมเบิร์ก (Prince Sigismund of Luxemburg) แต่เมื่อภัยคุกคามจากอ๊อตโตมันมีมากขึ้น ลาซาร์จึงได้สงบศึกกับเจ้าชายซิกิสมันด์
1387 เจ้าชายซิกิสมันด์ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ของฮังการี
1389 15 มิถุนายน, สมรภูมิโคโซโว่า (Battle of Kosovo) ใกล้กับเมื่องพริสติน่า (Pristina) เป็นการปะทะกันระหว่างกองทัพของสุลต่านมูรัด ที่ 1 (Sultan Murad I, Ottoman Empire) แห่งจักรวรรดิอ๊อตโตมัน กับกองทัพของเซิร์บที่นำโดยลาซาร์ ซึ่งในการรบกันครั้งนี้ทั้งลาซาร์และสุลต่านมูรัด ก็สวรรคตในสมรภูมิด้วยกันทั้งสองพระองค์
หลังลาซาร์สวรรคต เจ้าชายลาซาเรวิช (Stefan Lazarevic) พระโอรสองค์โตของลาซาร์ที่ยังทรงพระเยาว์ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เซิร์บต่อจากพระบิดา โดยพระมารดามิไลคา ดำรงค์ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทน
1390 พระราชินีมิไลค่า ได้ตกลงยอมแพ้ให้กับอ๊อตโตมัน โดยพระองค์ได้ส่งพระธิดาองค์เล็ก เจ้าหญิงโอลิเวร่า (Olivera) ให้ไปเป็นนางสนมในฮาเล็มของสุลต่านบาเยซิด (Sultan Bayezid I)
ส่วนกษัตริย์ลาซาเรวิช นั้นได้รับตำแหน่ง เดสพ๊อต (despot) ที่พระราชทานมาจากสุลต่านบาเยซิด
เซอร์เบียภายใต้การปกครองของอ๊อตโตมัน เรียกว่า The Serbian Despotate ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 60 ปี ที่ยังคงมีเดสพ๊อตเป็นชาวเซิร์บ จนถึงปี 1459 … หลังจากนั้นก็อยู่ภายใต้การปกครองของอ๊อตโตมันนานกว่าห้าร้อยปี