Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Jeremias Van Vliet

เจเรมีเอส ฟอน ฟลีต (Jeremias van Vliet)

รู้จักกันในภาษาไทยว่า “วัน วลิต”

ฟอนฟลีต เกิดประมาณปี 1602 ในชกีดัม (Schiedam) เนเธอร์แลนด์ ฟอนฟลีต เป็นลูกคนสุดท้องในพี่น้องทั้งหมดห้าคน ของ Eewout Huybrechtszoon กับ Maritge Cornelisdochter van Vliet ซึ่งครอบครัวของพวกเขามีฐานะร่ำรวย 

ต่อมาเขาได้เข้าทำงานกับบริษัทดัตซ์อีสต์อินเดีย (Vereenigde Oostindische Compagnie, V.O.C. , Dutch East India Company) ซึ่งพี่ชายสองคนของฟอนฟลีต ที่ชื่อ Eewout กับ Daniel ก็ทำงานอยู่กับ V.O.C. อยู่ก่อนแล้ว บริษัท V.O.C. นี้รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ตั้งขึ้นมาเพื่อบุกเบิกการค้ากับประเทศในทวีปเอเชีย 

1628 ฟอนฟลีต ออกเดินเรือไปกับเรือ HetWapen van Rotterdam ซึ่งออกเดินทางมุ่งหน้ามายังบาตาเวีย (Batavia ปัจจุบันคือ กรุงจาร์กาต้า ของอินโดนีเซีย)

1629 กุมภาพันธ์, เดินทางมาถึงเมืองบาตาเวีย

มิถุนายน, หลังมาอยู่ในบาตาเวียได้สักพักหนึ่ง ฟอนฟลีตก็ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปยังญี่ปุ่น เพื่อไปทำงานที่สถานีการค้าของดัตซ์ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองฮิราโด (Hirado) ซึ่งระหว่างที่ทำงานอยู่ในฮิราโด ฟอนฟลีตก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการค้าของบริษัทไม่เฉพาะกับญี่ปุ่น แต่ว่ายังรวมถึงการค้ากับไต้หวัน และอยุธยา ด้วย 

1633 เดินทางกลับมายังบาตาเวีย  ก่อนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยของ ยูสต์ เชาเต้น (Joost Schouten) ผู้ซึ่งเพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้มาเป็นผู้อำนวยการค้ากับอยุธยา 

ฟอนฟลีต เดินทางมายังอยูธยา ด้วยเรือ “Delft” ซึ่งในช่วงเวลานี้ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าปราสาททอง (King Prasat Thong) เขากับเชาเต้นได้ตั้งสถานีการค้าถาวรของดัตซ์ขึ้นที่อยุธยา และฟอนฟลีตทำงานอยู่ที่อยุธยานี้จนกระทั้งปี 1642 และระหว่างนี้เขาได้มีความสัมพันธ์กับหญิงเชื้อสายมอญ ที่ซื้อ ออสุด พะโค (Osote Pegua) หรือเรียกกันว่า ท้าวสด ซึ่งพวกเขามีลูกด้วยกันสามคน

1642 เมษายน, ฟอนฟลีต เดินทางออกจากอยุธยา เพื่อกลับไปแต่งงานกับแคทเธอรีน่า สเวียร์ (Catharina Sweers) ที่เมืองบาตาเวีย แคทเธอริน่าเป็นน้องสาวของโซโลมอน สเวียร์ (Solomon Sweers) ซึ่งเป็นคณะกรรมการคนหนึ่งของบริษัท V.O.C. 

กันยายน, ฟอนฟลีต ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงค์ตำแหน่งผู้ว่าการเมืองมะละกา (Dutch-Malakka) ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การครอบครองของดัตช์

1943 เมษายน, ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของ V.O.C. แต่ว่าไม่นานเขาก็ถูกดำเนินคดีในข้อหาคอร์รัปชั่น

1646 ศาลประจำเมืองบาตาเวีย ตัดสินว่าฟอนฟลีตมีความผิด ทำให้เขาถูกปลดจากทุกตำแหน่ง และถูกริบทรัพย์สิน แต่ว่าเพราะความช่วยเหลือจากโซโลมอนพี่เขย ทำให้ฟอนฟรีตยังสามารถรักษาตำแหน่งในคณะกรรมการกิจการอินเดียตะวันออก (Council of the Dutch East Indies) เอาไว้ได้ 

ธันวาคม, ฟอนฟลีตเดินทางกลับเนเธอร์แลนด์  ซึ่งเมื่อกับมาเนเธอแลนด์ฟอนฟรีตได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการเรือลำหนึ่งจากทั้งหมดเก้าลำ ที่เดินทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮป (Good Hope cape) ไปยังแถบมหาสมุทรอินเดีย

1647 สิงหาคม, เดินทางกลับถึงเนเธอร์แลนด์

1652 ฟอนฟลีตได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ ของเมืองชกีดัม บ้านเกิดของเขา ซึ่งเขาอยู่ในตำแหน่งจนกระทั้งเสียขีวิต

1658 มาเรีย (Maria Van Vliet) ลูกสาวคนหนึ่งของฟอนฟลีต เดินทางไปยังเมืองบัตตาเวีย และแต่งงานกับ เดอ วอส (De Vos) 

1663 กุมภาพันธ์, เสียชีวิต

ผลงานเขียน 

  1. Description of the Kingdom of Siam (Beschrijving van het Koningrijk Siam)
  2. The Short History of the Kingdom of Sima (Cort Verhael van’t naturel eijnde der volbrachte tijt ende successie der Coningen van Siam)
  3. The Historical Account of the War of Succession following the death of King Prasat Thong (Historiael Verhael der Sieckte ende Doot van Pra Interra-Tsia 22en Coninck in Siam)
  4. The Chronicle of the “picnic incident” (Historisch Verhael van’t gene des Vereenighde Oost-Indische Compagnies Dienaers, …, in de Stadt Judia, wedervaren is)
Don`t copy text!