Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Hong Xiuquan

หง ซิ่วเฉียน (洪秀全, Hong Xiuquan)

ผู้นำการก่อกบฏไท่ผิง (Taiping rebellion) ผู้สถาปณาอาณาจักรสวรรค์ (Heavenly Kingdom)

หงซิ่วฉวน เกิดวันที่ 1 มกราคม 1814 ในกว้างตุ้ง, ชิง-จีน (Guangdong, Qing China) เขามีชื่อจริงเมื่อตอนเกิดว่า หงฮั่วเสี่ยว (洪火秀, Hon Huaxiu) ครอบครัวของเขานั้นเป็นชาวเผ่าจีนฮักกา (Hakka ~ จีนแคะ) 

หงซิ่วฉวนเป็นลูกคนที่สามในครอบครัว พ่อของเขาชื่อ หง จิงหยาง (洪鏡揚, Hong Jingyang) เป็นเกษตรกรและเป็นหัวหน้าเผ่า ในขณะที่แม่ของเขาถูกเรียกว่ามาดามหวัง (Madam Wang)  หงซิ่วฉวนมีพี่ชาย ชื่อ หง เหรียนฟา (洪仁發, Hong Renfa) และพี่รองชื่อ หง เหรียนต๋า (洪仁達, Hong Renda)

ไม่นานหลังจากหงซิ่วฉวน เกิดมา ครอบครัวก็ย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้าน (Guanlubu villige) 

ต่อมาหงซิ่วฉวนได้แต่งงานกับ Lai Xiying และได้รับชื่อใหม่ว่า หง เหรียนคุน(洪仁坤,Hong Renkun)

หงซิ่วฉวนเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประจำหมู่บ้านตั้งแต่อายุห้าขวบ เขาเป็นคนฉลาดสามารถที่จะท่องจำหนังสือคลาสสิคสี่เล่ม (四書, Four Books) ของลัทธิขงจื้อได้อย่างแม่นจำตั้งแต่อายุห้าถึงหกปี

ไม่นานหลังจากที่สามารถจดจำหนังสือคลาสสิคสี่เล่มได้แล้ว เขาก็เดินทางไปยังเมืองกวางโจว (Guangzhou) เพื่อที่เข้ารับการทดสอบเป็นขุนนาง แต่ว่าหงซิ่วฉวนไม่ผ่านการทดสอบ

หลังจากเขาสอบตกในการเป็นขุนนาง พ่อของเขาก็ปฏิเสธที่จะส่งเสียให้เขาเรียนหนังสือต่อ หงซิ่วฉวนจึงต้องกลับมาอยู่บ้านเพื่อที่จะช่วยครอบครัวทำงานในไร่นา

1836 หงซิ่วฉวน เดินทางไปกวางโจวอีกครั้งเพื่อที่จะสอบเป็นขุนนางที่ครั้ง ซึ่งเขาก็สอบตกเป็นรอบที่สอง

แต่ระหว่างที่อยู่ในกวางโจว หงซิ่วฉวน บังเอิญได้รับใบปลิวเรื่อง “Good Words for Exhorting the Age (勸世良言)” ซึ่งเป็นบทความที่เขียนโดยเหลียง ฟา (Liang Fa) ซึ่งทำงานเป็นผู้ช่วยของมิสชันนารีชาวอเมริกันชื่อเอ็ดวิน สตีเว่น (Edwin Stevens) ที่เขาไปเผยแพร่โปเตสแตนท์ในจีน  หงซิ่วฉวนเก็บใบปลิวนี้ไว้แต่ว่ายังไม่ได้ศึกษาอย่างจริงจังในตอนแรก

1837 หงซิ่วฉวน สมัครทดสอบเป็นข้าราชการอีกครั้ง ซึ่งเขาก็สอบตก แต่ว่าครั้งนี้เขาเครียดจนมีอาการทางประสาท จิตตก และระหว่างนี้เขามีการฝันประหลาด หงซิ่วฉวนได้ฝันว่าตนเองได้ไปพบกับสมาชิกในครอบครัวของเขาบนสวรรค์ ซึ่งเป็นครอบครัวที่แตกต่างจากครอบครัวในชีวิตบนโลก โดยพ่อบนสวรรค์ของเขานั้นสวมเสื้อคลุมมังกรสีดำ และพ่อบนสวรรค์ได้มอบดาบและโล่ทองคำให้กับเขา เพื่อใช้สำหรับต่อสู้กับปีศาจร้ายและมังกรที่กำลังรุกรานสวรรค์ 

นอกจากนี้พ่อบนสวรรค์ยังเป็นคนบอกให้เขาเปลี่ยนชื่อมาเป็น หงซิ่วฉวน ซึ่งแปลว่า กษัตริย์แห่งมนุษย์ทั้งมวล (King of All Man)  เพราะชื่อเดิมไม่เป็นมงคล นอกจากนั้นหงซิ่วฉวนยังอ้างว่าเขาเห็นว่าพ่อบนสวรรค์ของเขากำลังลงโทษขงจื้อเพราะว่าขงจื้อนำผู้คนให้ออกนอกลู่นอกทาง

หลังจากตื่นขึ้นมาหงซิ่วฉวนอ้างว่าตัวเองกลายเป็นคนใหม่ที่สุขุม เยือกเย็น ความคิดและอัธยาศัยดีขึ้น 

หลังจากหายดีแล้ว หงซิ่วฉวนทำงานเป็นครูสอนในโรงเรียนอยู่หลายแห่งภายในเขตที่เขาอาศัยอยู่

1843 เขาสอบตกอีกเป็นครั้งที่สี่ ซึ่งหลังจากสอบตกเขาก็กลับไปสนใจอ่านแผ่นพับที่เขียนบทความของเหลียง ฟา เรื่อง “Good words for Exhorting the Age” อย่างใส่ใจรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาอ้างว่าบทความเรื่องนี้ ทำให้เขาตีความความฝันในอดีตของตนเองเกี่ยวกับพ่อบนสวรรค์ใหม่ ได้ว่า พ่อบนสวรรค์ของเขาก็คือ ฮ​่องเต้แห่งสรวงสรรค์ (Shangdi) และพี่ชายของเขาก็คือพระเยซูคริสต์ (Jesus Christ) ซึ่งพวกต้องการจะให้หงซิ่วฉวนช่วยชี้ทางสว่างให้กับมนุษยชาติ

ซึ่งหลังจากนั้นหงซิ่วฉวนก็หันมานับถือคริสต์ และทำลายรูปเคารพตามความเชื่อแบบขงจื้อ และพุทธจนหมด  ในการนี้เขายังได้สั่งให้มีการหลอมดาบขึ้นมา 2 อัน เรียกว่า กระบี่ฆ่ามังกร (斬妖劍, demon-slayinng swords) มีขนาดความยาวอันละ 1 เมตร และมีน้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม 

1844 หงซิ่วฉวน และเฟ่ง หยุนชาน(Feng Yunshan) และญาติคนอื่นๆ ของหงซิ่วฉวนที่เปลี่ยนมานับถือคริสต์ ได้เริ่มออกเดินทางเพื่อเผยแพร่ศาสนาคริสต์ โดยเริ่มที่เมืองกวางโจวเป็นแห่งแรก 

พฤศจิกายน, หลังจากมาเผยแพร่ศาสนาที่กวางซีอยู่นานห้าเดือน หงซิ่วฉวนก็เดินทางกลับมายังบ้านเกิดของเขาเพื่อทำงานเป็นครูอีกครั้งหนึ่ง โดยการเดินทางกลับมาครั้งนี้ เฟ่งหยุนซานไม่ได้กลับมาด้วย 

1847 หงซิ่วฉวนได้เริ่มแปลพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นภาษาจีน ซึ่งเวอร์ชั่นของหงซิ่วฉวนถูกเรียกว่า “The Taiping Bible” นอกจากนี้เขายังสั่งสอนบรรดาสาวกว่า คริสต์เป็นศาสนาเก่าแก่ของจีน ก่อนที่ลัทธิขงจื้อและสถาบันกษัตริย์จะเข้ามากวาดล้างผู้นับถือคริสต์ไปจนหมด 

หงซิ่วฉวนได้รับคำเชิญจากสหภาพชาวจีน เพื่อที่จะให้เขาไปฟังการบรรยายของมิสชันนารีชาวอเมริกันชื่อ ไอแซคชาร์ โรเบิร์ต (Issachar Jacox Roberts) ซึ่งหงซิ่วฉวนเดินทางไปกวางโจวพร้อมกับญาติของเขาชื่อ หง เรนแกน (Hong Rengan) ซึ่งเมื่อได้พบกับโรเบิร์ต หงซิ่วฉวนพยายามจะขอให้โรเบิรต์ช่วยทำพิธีบัพติศให้กับเขาด้วย แต่ว่าโรเบิร์ตปฏิเสธ เพราะคิดว่าหงซิ่วฉวนต้องการเป็นคริสต์เพื่อที่จะขอเงินทุนสนับสนุนเท่านั้น

กรกฏาคม, หงซิ่วฉวนเดินทางออกจากกวางโจว  เพื่อไปหาเฟ่งหยุนชาน โดยที่ระหว่างทางหงซิ่วฉวนโดนปล้นจนหมดตัว รวมถึงกระบี่ฆ่ามังกรก็โดนปล้นไปด้วย 

27 สิงหาคม, เขาได้พบกับเฟ่งหยุนชานอีกครั้งหนึ่ง ที่บริเวณเขาทิสเติ้ล (Thistle mountain) ซึ่งหงซิ่วฉวนได้พบว่าเฟ่งหยุนชาน ได้ก่อตั้งสมาคมผู้บูชาพระเจ้า (Society of God-Worshippers) ขึ้นมาแล้ว

1848 มกราคม, เฟ่งหยุนชาน ถูกจับ และถูกเนรเทศไปยังเมืองกวางตุ้ง ซึ่งหงซิ่วฉวนก็ได้ออกเดินทางตามไปหาเขา โดยที่ระหว่างที่ทั้งสองคนไม่อยู่ Yang Xiuqing และ Xiao Chaogui ก็ขึ้นมาเป็นแกนนำของสมาคมฯ 

1850 หงซิ่วฉวนมีสาวกประมาณ 10,000-30,000 คน ทำให้ทางการเริ่มหวาดระแวงเขา และสั่งให้มีการสลายลัทธิลง แต่ว่าฝ่ายของหงซิ่วฉวนปฏิเสธ ทางการจึงได้ส่งกองทัพเข้ามาปราบปราม 

1851 การประท้วงในจินเทียน (Jintian Uprising) ทางการส่งกองทัพมาปราบปรามลัทธิของหงซิ่วฉวน ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้านจินเทียน (Jintian village) แต่ว่าฝ่ายของหงซิ่วฉวนสามารถเอาชนะทหารของแมนจูได้ และสามารถสังหารแม่ทัพของรัฐบาลได้ 

11 มกราคม,หลังชัยชนะที่จินเที่ยนนี้ หงซิ่วฉวนได้ประกาศสถาปนาอาณาจักรสรวงสวรรค์แห่งมหาสันติสุข (Heavenly Kingdom of Transcendent Peace) หรือ ไทผิงเทียนกั๋ว ( 太平天囯, Taiping Heavenly Kingdom) ขึ้นมา

แต่ว่าไม่นานทางการได้ส่งกองทัพชุดใหม่เข้ามา พร้อมกับจ้างพวกโจรสลัดเข้ามาช่วยรบ ทำให้ทางการมีกำลังพลเหนือกว่าฝ่ายของหงซิ่วฉวนมาก หงซิ่วฉวนจึงได้พาสาวกของเขาตีฝ่าวงล้อมออกมาและหนีไปยังเมืองยอนกาน (Yongan town)

หงซิ่วฉวนปักหลักอยู่ที่ยอนกานประมาณสามเดือน โดยที่กองทัพของรัฐบาลชิงก็พยายามที่จะโจมตี แต่ว่าชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งไม่ชอบรัฐบาลชิงก็ให้การสนับสนุนหงซิ่วฉวน ทำให้สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะหนีอีกครั้งหนึ่งไปยังกุ้ยหลิน (Guilin)  พวกเขาพยายาที่จะยึดเมืองกุ้ยหลิน แต่ไม่สำเร็จเพราะป้อมปราการของเมืองนี้สูงใหญ่และแข็งแกร่ง พวกของหงซิ่วฉวนจึงเปลี่ยนมุ่งหน้าไปยังฮูหนาน (Hunan) แทน แต่ก็ไม่สามารถยีดฮุหนานเอาไว้ได้ และยังสูญเสียทหารไปอีกกว่า 20% 

1853 หงซิ่วฉวนสามารถยึดนานจิง (Nanjing) เอาไว้ได้สำเร็จและยกเมืองขึ้นเป็นเมืองหลวงของพวกเขา โดยเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเทียนจิง (Tianjing) 

1856 หงซิ่วฉวน เกิดหวาดระแวงหยาง เสี้ยวฉิง (楊秀清, Yang xiuqing) ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพไท่ผิง และได้ฉายาว่า กษัตริย์แห่งตะวันออก (Eastern King)

หงซิ่วฉวน จึงได้สั่งการลับให้ เว่ย ชางหุย (Wei Changhui) และ ฉี ต้าไก (Shi Dakai) สังหารหนางเสี้ยงฉิงและครอบครัวหลายสิบชีวิต

1860 กองทัพไท่ผิง พยายามที่จะยึดชางไห่ (Shanghai) แต่ว่าไม่สำเร็จ ทำให้กองทัพชิงกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง และเริ่มเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะ

1864 กองทัพชิง ปิดล้อมเมืองเทียนจิงเอาไว้ จนประชาชนภายในเมืองพากันอดอยาก หงซิ่วฉวนจึงสั่งให้ประชาชนเก็บเอา manna มากิน ซึ่ง manna เป็นอาหารตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ลซึ่งพระเจ้าประทานให้ชาวอิสราเอลระหว่างที่เดินทางในทะเลทราย ซึ่งไม่แน่ชัดว่า manna คืออะไร แต่มันถูกบรรยายเอาไว้ว่าเป็นวัตถุสีขาวเหมือนเกล็ดหิมะที่ตกบนพื้น และจะละลายจากความร้อนของพระอาทิตย์ … ซึ่งชาวจีนตีความว่ามันคือ น้ำหวานที่แมลงเก็บมา หรือเป็นน้ำค้าง

ส่วนตัวหงซิ่วฉวนนั้นเขาเก็บหญ้าในพระราชวังของเขามากินเป็นอาหาร จนกระทั้งตัวเองล้มป่วย

1 มิถุนายน, หงซิ่วฉวนเสียชีวิต หลังจากนั้นร่างของเขาถูกสวนด้วยชุดไหมสีเหลือง และนำไปฝังโดยไม่ใส่โลง บริเวณใกล้กับพระราชวังหมิง (Ming Imperial Palace)

30 กรกฏาคม, เมื่อกองทัพชิงยึดเทียนจิงเอาไว้ได้ ก็ได้มีการขุดศพของหงซิ่วฉวน ขึ้นมาตัดหัว และเผาร่างส่วนที่เหลือให้เป็นเถ้าถ่าน ก่อนนำไปบรรจุในปืนใหญ่และยิงออกไปเพื่อเป็นการสาปแช่งให้วิญญาณของเขาจะไม่มีวันไปสู่สุขคติ

Don`t copy text!