Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Fernão Mendes Pinto 

เฟนโนม เมนดัส เพนโต (Fernão Mendes Pinto)

นักเดินทางชาวโปตุเกส ผู้เขียน Pilgrimage

เพนโต เกิดในปี 1509 ในมอนทีเนอร์ โอ ดาโฮ (Montemor-o-Velho) โปตุเกส ครอบครัวของเขามีฐานะยากจน  เพนโต มีพี่น้องผู้ชายอีกสองคน และพี่น้องผู้หญิงสองคน 

1521 ลุงของเขาได้พาเพนโตย้ายมายังเมืองลิสบอน (Lisbon) เพื่อหางานทำ โดยที่เพนโตได้รับงานเป็นคนงานอยู่ในบ้านของเศรษฐีนีคนหนึ่ง แต่ว่าทำงานได้เพียงแปดเดือน เพนโต ก็หนีออกมาจากบ้านของนายจ้าง และก็ได้งานใหม่เป็นเด็กบนเรือโดยสารซึ่งเดินเรือระหว่างลิสบอกกับซาทูบาล (Setúbal) เมืองที่อยู่ทางใต้ลงไป 

แต่ระหว่างที่เรือของเขากำลังอยู่ระหว่างการเดินทางนั้น ก็ได้มีโจรสลัดฝรั่งเศสเข้ามาปล้นเรือ และนำเอาผู้โดยสารไปปล่อยไปที่อเลนทีโจ (Alentejo) โดยเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมด

ซึ่งเมื่อถูกนำไปทิ้งไว้ที่อเลนทีโ เพนโตก็หาทางกลับมายังซาทูบาล แต่ว่าระหว่างทางเขาก็ได้งานใหม่ ซึ่งเป็นคนรับใช้ให้กับฟรานซิสโก้ เดอ ฟาเรีย (Francisco de Faria,  a knight of Santiago) ซึ่งเขาทำงานกับฟรานซิสโก้ เดอ ฟาเรีย อยู่นาน 4 ปี

ย้ายมาทำงานกับดุ๊กจอร์จ เดอ แลนคาสเตอร์ (Jorge de Lencastre, Duke of Aveiro) ที่อะเวียโร (Aveiro) ดุ๊กจอร์จ เป็นโอรสนอกสมรถของกษัตริย์ จอห์น ที่ 2 (John II)

1537 ย้ายมาทำงานกับ Portuguese Indian  Armadas  ซึ่งเป็นกองเรื่อที่ได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์โปตุเกสในการเดินทางไปยังอินเดีย ซึ่งใช้เส้นทางเดียวกับที่ีวาโค ดา กาม่า (Vasco da Gama) สำรวจเอาไว้ ตั้งแต่ปี 1497

11 มีนาคม, กองเรือ โปตุกีส-อินเดียน อาร์มาดาส ออกจากท่าเรือในลิสบอนโดยมีเป้าหมายที่จะไปอินเดีย

5 กันยายน, เรือได้เดินทางมาถึง Diu เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ใกล้กับบอมเบย์ (Bombay) ซึ่งขณะนั้นบอมเบย์อยูใต้การปกครองของโปตุเกส 

1538 Siege of Diu, จักรพรรดิสุไลมาน ที่ 1 (Suleiman the Magnificient) แห่งอ๊อตโตมัน (Ottoman Empire) ส่งกองทัพเข้ายึดเมือง Diu จากโปตุเกส

เพนโตได้เข้าร่วมในปฏิบัติการณ์พิเศษของทหารโปตุเกสในส่งสาส์นขอความช่วยเหลือไปยังทหารโปตุเกสที่ให้การคุ้มครองพระมารดาของเพรสเตอร์ จอห์น (Prester John) อยู่ในข่ายบนภูเขา 

แต่ว่าเมื่อเรือของเขาออกดจากเมืองมาสซาวะ (Massawa) ได้ไม่นานก็ปะทะเข้ากับเรือรบของตุรกีสามลำ ซึ่งฝ่ายโปตุเกสเป็นฝ่ายแพ้ และลูกเรือทั้งหมดถูกจำไปขายเป็นทาส

เพนโต ถูกขายเป็นทาสให้กับชาวมุสลิมเชื้อสายกรีก ซึ่งมีนิสัยโหดเหี้ยมและทำร้านเพนโตจนถึงขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย เพนโตจึงถูกขายต่อไปให้กับพ่อค้าชาวยิว ซึ่งเพนโตต้องติดตามขบวนคาราวานสินค้าของนายทาสไปยังเมืองฮอร์มุซ (Hormuz) ซึ่งเมื่อไปถึงฮอร์มุซเพนโตได้รับอิสระภาพเพราะความช่วยเหลือของเจ้าชายโปตุเกสที่ยอมจ่ายเงินซื้ออิสรภาพให้กับเขา

หลังจากนั้นเพนโตได้รับแต่งตั้งเป็นทหารยศร้อยเอกในฐานทัพที่ฮอร์มุซ และเป็นทูตพิเศษในกิจการอินเดียของโปตุเกส

ต่อมาไม่นานเขาเดินทางไปกับเรือสินค้าโปตุเกสเพื่อไปยังโกอา (Goa) รัฐทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย

1539 มาอยู่ในมะละกา (Malacca) ภายใต้การบังคับบัญชาของเปโดร เด ฟาเรีย (Pedro de Faria) และจากมะละกาเขาได้เดินทางไปยังปัตตานี (Patani) จากทางทะเลด้านตะวันออก และพยายามจะนำสินค้ามาขายที่สยาม (Siam)  แต่ว่าเรือของเขาถูกปล้นโดยโจรสลัดระหว่างทาง ทำให้เขาไม่ได้เดินทางมายังเมืองหลวงของสบาม แต่ว่าได้เปลี่ยนเส้นทางไปยังทะเลจีนใต้แทน

เมื่อไปถึงจีน เขาเดินทางเข้าไปในทะเลเหลือง ก่อนที่เรือของเขาจะล่ม และเพนโตถูกทางการจีนจับและถูกส่งไปใช้แรงงานหนักเป็นเวลาหนึ่งปี  แต่ว่าก่อนที่จะถูกลงโทษ ทหรชาวตาตาร์ (Tatars) ได้บุกเข้ามา และก็จับตัวเพนโตไป เขาจึงได้เดินทางไปพร้อมกับตาตาร์ และได้มุ่งหน้าไปสู่โคจินไชน่า (Cochinchina) ซึ่งอยู่บริเวณเวียดนาและกัมพูชาตอนใต้ 

จากนั้นเขาอาศัยเรือจั๋ง (Junk) ของจีนเดินทางไปยังตาเนกาชิม่า (Tanegashima) ของญี่ปุ่น

1543 เพนโตเดินทางมาถึงญี่ปุ่น ซึ่งเขาอ้างว่าตัวเองเป็นชาวายุโรปคนแรกที่เดินทางมาประเทศนี้ แต่ว่าเวลาใกล้เคียงกันและอาจจะก่อนเพนโต มีชาวโปตุเกส ชือแอนโตนิโอ (Antonio Mota) และฟรานซิสโก้ (Francisco Zeimoto) ที่เดินทางมาค้าขายกับญี่ปุ่น

หลังจากนั้นเพนโตก็เปิดการค้าขายระหว่างโปตุเกสกับญี่ปุ่น

1549 เขาเดินทางออกจากญี่ปุ่น พร้อมกับชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งชื่ออันจิโร่ (Anjiro) 

1551 มีการบันทึกเอาไว้ว่าในปีนี้ อัลวาโร่ (Álvaro) พี่ชายของเพนโต ถูกส่งมายังมะละกา ซึ่งต่อมาก็ได้มีการบันทึกเอาไว้ว่าเขาเสียชีวิตในการต่อสู้ที่มะละกา

1554 เข้าเป็นสมาชิ กของสมาคมเยซุส Society of Jesus

1557 กลับมามะละกา กอนที่จะถูกส่งไปเมาะตะมะ (Martaban) แต่ว่าไม่นานเขาก็ถูกทหารพม่าจับตัวเอาไว้ แต่เพนโตหนีออกมาได้ระหว่างที่กำลังถูกส่งตัวไปเมืองหลวง เขาหนีไปยังโกอา

หลังจากกลับมาถึงโกอา ฟาเรียได้ส่งไปยังชวา เพื่อซื้อพริกไทไปขายยังจีน แต่ว่าระหว่างทางเรือของเขาก็ล่มอีกครั้ง และถูกจับขายเป็นทาสหลายครั้งก่อนที่สุดท้ายกษัตริย์แห่งกาลาปา (King of Kalapa) จะซื้อเขาไปเพื่อปล่อยให้เป็นอิสระ และส่งเขากลับไปยังซันด้า (Sunda Kingdom) เกาะทางตะวันตกของชวา

ต่อมาเขาได้เดินทางเข้ามาในสยาม ซึ่งอยู่ในช่วงสงคราม 

1558 22 กันยายน, เดินทางกลับโปตุเกส

แต่งงานกับมาเรีย (Maria Correia Barreto) ซึ่งพวกเขามีลูกด้วยกันอย่างน้อยสองคน

1562 ซื้อฟาร์มแห่งหนึ่งในปรากัล (Pragal) แล้วอาศัยอยู่ที่นี่จนกระทั้งเสียชีวิต

1583 8 กรกฏาคม, เสียชีวิตภายในฟาร์มของเขา

Don`t copy text!