Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Roman Shukhevych

โรมัน ชุเควิช (Роман Иосифович Шухевич, Roman Iosifovich Shukhevych)

ผู้บัญชาการทหารหน่วย Nachtigall Battalion และ OUN  ของยูเครน ใต้การบังคับบัญชาของนาซีเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทหารหน่วยนี้เป็นผู้ลงมือสังหารหมู่ชาวยิวและโปแลนด์กว่าแสนศพ เขาได้รับการยกย่องจากยูเครนในปัจจุบันว่าเป็นวีระบุรุษ

Massacres of Poles in Volhynia and Eastern Galiciaช เกิดวันที่ 30 มิถุนายน 1907 ในลวีฟ (Lviv) แต่บางข้อมูลก็บอกว่าเขาเกิดที่เมืองกราโกวิตซ์ (Krakowitz) ขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรกาลิเซีย-โลโดเมเรีย (Kingdom of Galicia and Lodomeria) จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี (Austria-Hungary Empire)

พ่อของเขาชื่อโจเซฟ (Joseph-Zinovy Vladimirovich Shukhevych) มีอาชีพเป็นผู้พิพากษา ส่วนแม่ชื่อเยฟกีเนีย (Evgenia-Emilia Ivanovna Stotskaya-Shukevych)

ในวัยเด็กชุเควิช เติบโตขึ้นมาในเมืองเรดเคียฟ (Radekhiv) ซึ่งเป็นชานเมืองของเขตลวีฟ 

1920 เขาย้ายเข้ามาอยู่ในลวีฟ และเข้าเรียนที่ลวีฟจิมเนเซียม (Lviv Academic Gymnasium) 

1921 สำเร็จการศึกษาจากลวีฟจิมเนเซียม และหลังจากนั้นเขาไ้ด้รู้จักกับเยฟกินี โคโนวาเล็ค (Yevgeny Konovalec) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง UVO (the Ukrainian Military Organization) ซึ่งพวกเขาสองคนได้เช่าห้องอยู่ด้วยกันหนึ่งประ ระหว่างนี้เยฟกินีเป็นคนที่ปลูกฝังให้ชุเควิชกลายเป็นพวกชาตินิยมหัวรุนแรง

1922 ชุเควิชเข้าเป็นสมาชิกของลูกเสือแห่งปลาสต์ (The Plast National Scout Organization of Ukraine) ซึ่งเรียกสั้นๆ ว่า “Plast” , ปลาสต์เป็นองค์กรลูกเสือที่ใหญ่ที่สุดในยูเครน และขยายเข้าไปในโปแลนด์ มีสมาชิกจำนวนมากที่เป็นชาวโปแลนด์ แต่ว่าต่อมาทางการโปแลนด์ได้สั่งแบนปลาสต์

1925 ชุเควิช เข้าร่วมกับ UVO

1926 เข้าเรียนที่สถาบันโพลีเทคนิคแดนซิก (Danzig Polytechnic Institute) ในเยอรมัน โดยระหว่างที่เรียนเขาได้เข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มนักศึกษา Chernomorye

1928 เข้าเรียนที่สถาบันโพลีเทคนิคลวีฟ (Lviv Polytechnic Institute) ในสาขาวิศวกรรมโยธา

ปีนี้เขายังได้ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารในกองทัพโปแลนด์ โดยได้เข้าประจำการณ์ในหน่วยวทหารปืนใหญ่ในเมืองวลาดิมีร์-โวลิน (Vladimir-Volyn) 

1929 สำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรม 

ในปีนี้ได้มีการก่อตั้งกลุ่ม OUN (Организация украинских националистов, Oragination of Ukrainina Nationalists) ขึ้นมา โดยที่ชุเควิชได้เข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ซึ่ง OUN เป็นองค์กรใต้ติน มีแนวคิดแบบชาตินิยมยูเครนที่เคลื่อนไหวต่อต้านโปแลนด์ การเป็นสมาชิกของ OUN ทำให้ชุเควิช ถูกปลดออกจากการเป็นทหารในกองทัพโปแลดน์

1930 ชุเควิชได้รับตำแหน่งผู้นำหน่วยรบด้านตะวันตกของ OUN ซึ่งหน่วยที่เขาเป็นผู้นำนี้ได้ทำหน้าที่ก่อก่อร้ายเพื่อต่อต้านโปแลนด์ โดยทั้งวางเพลิง ทำลายทรัพย์สินทั้งบ้านเรือน ไร่นา สถานที่ราชการที่เป็นของชาวโปแลนด์ และยังพยายามสังหารเจ้าหน้าที่โปแลนด์ ซึ่งหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโปแลนด์ที่เสียชีวิต และเชื่อว่าชูเควิชเกี่ยวข้อง คือ

การสังหารทูกชาวโปแลนด์ ชื่อซีม่า โฮโลวโก้ (Seima Tadeusz Holowko) , 31 สิงหาคม 1931

การสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจโปแลนด์ อีมิเลียน (Emilian Chekhovsky) ในลวีฟ, 22 มีนาคม 1932

1932 พฤศจิกายน, ชูเควิชถูกจับหลังจากร่วมในการเดินขบวนประท้วงกบเหล่านักศึกษาที่ต่อต้านโปแลนด์ ซึ่งเขาถูกขังอยู่ในคุกหลายเดือนก่อนได้รับการปล่อยตัว 

1934 เข้าทำงานกับบริษัทก่อสร้าาง “Levinsky” 

ถูกจับอีกครั้งโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในข้อหาพยายามจะสังหารรัฐมนตรีมหาดไทย โบรนิสลาฟ เปแร็คกี (Bronislaw Peracki) ซึ่งเมื่อถูกนำตัวไปขึ้นศาลในเวลาต่อมา เขาก็ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 4 ปี ชูเควิชจึงเข้าไปอยู่ในเรือนจำนวนลวีฟจนถึงปี 1937

1938 ชูเควิชได้รับการอภัยโทษ ซึ่งหลังออกจากคุกเขาก็เดินทางไปเยอรมัน  และเข้าเรียนที่สถาบันทหารของเยอรมันในมิวนิคที่ตั้งโดย Abwehr 

30 กันยายน, มีการทำข้อตกลงมิวนิค (the Munich Agreement) ซึ่งเชคโกสโลวาเกีย (Czechoslovakia) ยอมเสียดินแดนบางส่วนให้กับเยอรมัน  

ไม่นานหลังจากข้อตกลงมิวนิค ดินแดนคาปาเทีย-ยูเครน (Carpatho Ukraine) ซึ่งเป็นส่นหนึ่งของเชคโกสโลวาเกียในขณะนั้นก็ประกาศเอกราช โดยที่กองกำลัง OUN ของชูเควิชให้การสนับสนุนและมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของโปแลนด์

9 พฤศจิกายน, ชูเควิชได้ร่วมก่อตั้ง  Carpathian Sich ขึ้นมา ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธ มีกำลังประมาณ 15,000 คน 

1939 13-14 มีนาคม, OUN พยายามทำรัฐประหารโค่นรัฐบาลของคาปาเทีย-ยูเครน โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลเอนเองไปทางเชคโกสโลวาเกีย แต่ว่าการรัฐประหารไม่ประสบความสำเร็จ

15 มีนาคม, ฮังการีบุกคาปาเทีย-ยูเครน ซึ่งเพียง 3 วัน ดินแดนคาปาเทีย-ยูเครน ก็ถูกฮังการียึดไป

หลังจากการพ่ายแพ้ในการปกป้องคาปาเทีย-ยูเครน ชูเควิชก็หนีออกจากประเทศผ่านโรมาเนียไปยังยูโกสลาเวีย ซึ่งลุงของเขาอาศัยอยู่ในประเทศนี้ 

ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เขาพร้อมครอบครัวย้ายมาอยู่ในกราโกว (Krakow) และคอยทำหน้าที่ประสานงานให้กับ OUN ภายใต้บังคับบัญชาของแอนเดรย์ เมลนิก (Andriy Melnek) แต่ไม่นาน OUN ก็แตกเป็นสองฝ่าย OUN (m)  นำโดยแอลเดรย์ เมลนิกและ  OUN (b) นำโดยสเตปาน แบนเดร่า (Stepan Bandera) โดยที่ชูเควิชอยู่กับ OUN (b) ซึ่งสนับสนุนแบนเดนร่า

สเตปาน แบนเดร่า นั้นเป็นพวกชาตินิยมหัวรุนแรง ที่นิยมนาซี เช่นเดียวกันกับชูเควิช หน่วย OUN (b) นำโดยแบนเดร่า นั้นได้ทำงานประสานกับหน่วยข่าวกรอง Abwehr ของเยอรมัน ในการตั้งกองกำลัง Nachtigall และ Roland ขึ้นมา โดยเป็นกองกำลังชาวยูเครนแต่ว่าอยู่ใต้บังคับบัญชาของเยอรมัน

กันยายน, สหภาพโซเวียตผนวกดินแดนทางตะวันตกของยูเครน

1941 22 มิถุนายน, (Operation Barbarossa) นาซีเยอรมัน บุกสหภาพโซเวียต 

30 มิถุนายน, ที่เมืองลวีฟ (Lviv) ซึ่งตกอยู่ใต้การยึดครองของเยอรมัน หน่วย OUN (b) ภายใต้การนำของสเตปาน แบนเดร่า ได้ประกาศตั้งยูเครนเป็นประเทศอธิปไตยอิสระ แต่ว่าการประกาศของแบนเดร่านี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมัน และชูเควิช ถูกเรียกตัวกลับเยอรมัน

ในช่วงที่อยู่ในลวีฟนี้ ประมาณว่ามีคนเชื้อสายยิวรวา 4,000 คนที่ถูกทหารนาซี และ OUN สังหาร

4 กรกฏาคม, (Massacre of Lviv professors) นาซีเยอรมัน และ OUN ได้สังหารหมู่นักวิทยาศาสตร์และอาจารย์ของมหาวิทยาลัยลวีฟ (Lviv University) และครอบครัวของพวกเขา ไปราว 45 คน

ตุลาคม,​ชูเควิช ถูกตั้งให้เป็นผู้บัญชาการหน่วย  Schutzmannschaft Battalion 201 ที่เยอรมันตั้งขึ้นมาใหม่แทน Nachtigall 

1942 มีนาคม,​ หน่วย SB 201 ถูกส่งเข้ามายังสมรภูมิด้านเบลารุส ซึ่งพวกเขาได้สังหารชาวยิวและรัสเซียไปอีกหลายพันคนระหว่างการปฏิบัติการณ์ในเบลารุส

1943 หน่วย SB 201 ถูกยุบทิ้งไป และชูเควิช ได้กลับไปอยู่กับ OUN (b) และกลายเป็นผู้บัญชาการ

กรกฏาคม-, ช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงต้นปี 1944 หน่วย OUN ได้ทำการสังหารหมู่ชาวโปแลนด์ในโวลฮีเนียและกาลิเซียตะวันออก (Massacres of Poles in Volhynia and Eastern Galicia) โดยจำนวนผู้เสียชีวิตจากการถูกสังหารหมู่อาจสูงถึง 100,00 ศพ 

1944 สิงหาคม,​ สหภาพโซเวียตผนวกยูเครน หลังจากนั้นชูโควิชยังคงจับอาวุธต่อสู้กับสหภาพโซเวียตอยู่แต่ว่าชีวิตของเขาส่วนใหญ่หลบซ่อนอยู่ในป่า

1950 5 มีนาคม, ชูโควิช ถูกเจ้าหน้าที่หน่วย MGB (Ministry of State Security) ของสหภาพโซเวียตสังหารระหว่างการต่อสู้บริเวณหมู่บ้านบิโลฮอร์ซชา (Bilohorshcha) ในลวีฟ

2007 12 กุมภาพันธ์, ประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยุเชนโก้ (Viktor Yushchenko)  ของยูเครน ประกาศตั้งชูโควิช เป็นวีระบุรุษของประเทศ และมอบรางวัล Hero of Ukraine ให้กับเขาย้อนหลัง

Don`t copy text!