Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Rubens

https://www.youtube.com/watch?v=THs1XgfroEc

ปีเตอร์ พอล รูเบนส์ (Peter Paul Rubens)

หนึ่งในจิตรกรผู้บุกเบิกศิลปะ Flemis Baroque (บาร็อกแบบเนเธอร์แลนด์)

รูเบนส์ เกิดวันที่ 28 มิถุนายน 1577 ในซีเก้น, โฮลี่โรมัน (Siegen, Westphalia,  Holy Roman) พ่อของเขานั้้นเป็นนักกฏหมายชื่อ แจน รูเบนส์ (Jan Rubens) ซึ่งนับถือคริสต์โปแตสแตนท์ นิกายแคลวานิสซึ่ม (Calvinism) เดิมที่แจนอาศัยอยู่ในเมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerp) แต่ว่าได้หนีออกจากเมืองมาในปี 1568 เพราะการกวาดล้างทางศาสนา  แจนเคยเป็นที่ปรึกษากฏหมายให้กับแอนน่า แห่งแซ็คโซนี่ (Anna of Saxony) ซึ่งเป็นภรรยาคนที่สองของ วิลเลี่ยม แห่งออเร็นจ์ (William of Oragne) ซึ่งเป็นผู้นำคนสำคัญในการทำสงครามเรียกร้องเอกราชให้เนเธอร์แลนด์จากสเปน

แม่ของรูเบนส์ ชื่อว่ามาเรีย (Maria Pypelicks)

1585 พ่อของเขาเสียชีวิต 

1587 แม่พาครอบครัวก็ย้ายกลับมาอยู่ที่แอนต์เวิร์ป ซึ่งรูเบนส์ถูกเลี้ยงดูขึ้นมาแบบโรมันแคโธลิกซ์ และเข้าได้เข้าเรียนหนังสือโดยได้เรียนลาติน, กรีก และวรรณกรรมคลาสสิค

ต่อมาหลังจากเรียนจบ เขาได้เข้าทำงานเป็นพนักงานเดินเอกสารในวังของมาร์การีต เดอ ไรก์ (Marguerite de Ligne, the Countess of Lalaing)

1591 เริ่มต้นเส้นทางศิลปะ ได้ได้สมัครเรียนเป็นลูกศิษย์ของโทไบ เวอร์วีชต์ (Tobias Verhaecht) ซึ่งเป็นจิตกรแถวหน้าของประเทศในเวลานั้น และได้มีโอกาสเรียนการวาดรูปกับอดัม แวน นอร์ต (Adam van Noort) อ๊อตโต้ แวน วีน (Otto van Veen)

1598 จบการเรียนด้านศิลปะ และได้เข้าทำงานที่กิลด์ แห่ง แซงต์ ลูก์ (Guild of Saint Luke) ซึ่งเป็นสมาคมศิลปะ 

1600 เดินทางไปอิตาลี และได้มีโอกาสชมภาพเขียนของทิเทียน (Titian) เวโรเนส (Veronese) ระหว่างอยู่ในเวนิช ซึ่งมีอิทธิต่อสไตล์ผลงานของรูเบนส์เป็นอย่างมาก 

1601 เดินทามายังโรม โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากดุ๊กแห่งแมนตัว (Vincenzo I Gonzaga, the Duke of Mantua)  รูเบนส์ได้เรียนศิลปะคลาสสิคของกรีกและโรมัน ซึ่งผลงานของคาราแว็กจิโอ (Caravaggio) ในการเขียนภาพธรรมชาติ ก็มีอิทธิพลต่องานของรูเบนส์

1602 วาดภาพ St. Helena with the True Cross ซึ่งเป็นผลงานภาพประดับแท่นบูชาภายในโบสถ์ (altarpiece) ชิ้นแรกของรูเบนส์ ซึ่งเขาวาดให้สำหรับโบสถ์โบสถ์เกรูซาเลเม่ (Santa Croce di Gerusalemme) ในกรุงโรม

1603 ถูกส่งไปยังเสปนในฐานะทูตของดุ๊กแห่งแมนตัว เพื่อนำของกำนัลไปถวายให้กับกษัติรย์ฟิลิป ที่ 3 แห่งสเปน (Philip III of Spain) ช่วงเวลานี้ทำให้เขาได้เรียนรู้ศิลปะบาร็อกแบบสเปน และมีโอกาสชมคอลเลคชั่นภาพเขียนของทิเท่ียน และราฟาเอลิน (Raphaelin) จำนวนมากซึ่งกษัตริย์ฟิลิปสะสมเอาไว้

1604 กลับไปอิตาลี และอยู่นานอิตาลีนานถึงสี่ปี โดยตระเวณอยู่ในแมนตัว, เจนัว (Genoa) และโรม 

1607 รูเบนส์ ซื้อภาพ Madonna of the Rosary ของคาราแว็กจิโอ เพื่อนำกลับมาไว้ที่วิหารเซนต์พอลในแอนต์เวิร์ป (St.Paul’s Church) โดยที่รูเบนส์ได้เขียนจดหมายเรียนไปยงดุ๊กแห่งแมนตัว ซึ่งเป็นนายจ้างของเขาว่าภาพเขียนนี้ มีราคาขายในท้องตลาดที่ 400 ดูคัต (ducats)

1608 วาดภาพ Chiesa Nuova

เดินทางกลับแอนต์เวิร์ป เพราะว่าทราบถึงอาการป่วยของแม่ แต่ว่าแม่ของเขาเสียชีวิตก่อนที่รูเบนส์จะกลับมาถึง

1609 กลับมาถึงแอนต์เวิร์ปในเดือนเมษายน และต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจิตรกรประจำวังของอัลเบิร์ต ที่ 7 อาร์ชดุ๊กแห่งออสเตรีย (Albert VII, Archduke of Austria)

ในปีนี้สเปนและเนเธอร์แลนด์มีการทำสนธิสัญญาแอนต์เวิร์ป (Treaty of Antwerp) ระหว่างกัน ซึ่งทำให้สงคราม 80 ปี (Eighty Years’ War, 1568-1648) เพื่อเอกราชของเนเธอร์แลนด์ สงบลงช่วงหนึ่งกว่า 12 ปี

3 ตุลาคม, แต่งงานกับอิซซาเบลล่า บรันต์ (Isabella Brant) ลูกสาวของแจน บรันต์ (Jan Brant)

1610 ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหม่ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ Rubenshuis (Rubens House) เขาออกแบบบ้านหลังนี้ด้วยตัวเอง และให้เป็นสตูดิโอสำหรับผลิตผลงาน นอกจากนั้นยังเปิดเป็นโรงเรียนและรับลูกศิษย์ไว้หลายคน โดยมีศิษย์ที่มีชื่อเสียอย่าง แอนโทนี่ แวน ไดคก์ (Anthony van Dyck) ซึ่งช่วยรูเบนส์ในการสร้างผลงานศิลปะหลายชิ้น

ข่วงเวลานี้ เขาสร้างผลงานมีชื่อ อาทิ Raising of the Cross (1610)  The Descent from the Cross (1611) 

1620 รูเบนส์เริ่มงานวาดภาพประดับเพดาน จำนวน 39 ภาพให้กับโบสถ์ในแอนเวิร์ป แต่ว่าภายหลังภาพเขียนของเขาถูกทำลายไปพร้อมกับเหตุการณ์ไฟไหมโบสถ์ในปี 1718

1621 ได้รับการว่าจ้างจากพระราชชนนีมาเรีย เดอ เมดิซี (Marie de’ Medici) แห่งฝรั่งเศส พระมารดาของหลุยส์ ที่ 13 (Louis XIII)  ให้วาดภาพพระประวัติของพระองค์และพระประวัติของกษัตริย์อองรี ที่ 4 (Henry VI) พระสวามี สำหรับติดในพระราชวังลักเซมเบิร์ก (Luxembourg Palace) ในปารีส ซึ่งทำให้รูเบนส์เริ่มเขียนภาพชุด Marie de’ Medici cycle ซึ่งเป็นภาพชุดทั้งหมด 21 ภาพขนาดใหญ่ เสร็จในปี 1625 

1622 ตีพิมพ์หนังสือรวมภาพวาดของเขา ชื่อ Palazzi di Genova

1624 กษัตริย์ฟิลิป ที่ 4 (Philip IV) แห่งสเปน ประทานยศอัศวินให้กับเขา

1626 อิลซาเบลล่าภรรยาของเขาเสียชีวิต

1628 เดินทางมากรุงแมดริด เพื่อทำภารกิจทางการทูตให้กับสเปน โดยระหว่างปี 1628-1630 รูเบนส์เดินทางไปมาระหว่างแมดริดและอังกฤษ เพื่อเจรจาสันติภาพระหว่างสองฝ่าย

1629 มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ (Cambridge University) มอบปริญญาโทดุษฏีกิตติมาศักดิ์ด้านศิลปะศาสตร์ให้กับเขา 

วาดภาพ “Allgegory of War and Peace” 

1630 ได้รับแต่งตั้งเป็นอัศวิน โดยชาร์ล ที่ 1 แห่งอังกฤษ (Charles I of England)

แต่งงานกบเฮเลน (Helene Fourment) ญาติของเขา ซึ่งขณะนั้นรูเบนส์มีอายุ 54 ปี และเฮเลนอายุ 16 ปี ซึ่งเฮเลน เป็นแรงบันดาลใจและปรากฏในภาพวาดของรูเบนส์หลายภาพ อาทิ “The Feast of Venus”, “The Three Graces”, “The Judgment of Paris” รูเบนส์มีลูกกับเฮเลนห้าคน และมีลูกอีกสามคนที่เกิดกับอิลซาเบลล่า

1635 ซื้อบ้านอีกหลัง Chateau de Steen ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองแอนเวิร์ป ซึ่งเขาใช้ชีวิตที่เหลือที่บ้านหลังนี้

1640 30 พฤษภาคม, เสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย ร่างของเขาถูกนำไปฝังที่โบสถ์เซนต์จาคอฟ (Saint Jacob) ของเมืองแอนเวิร์ป

Don`t copy text!