Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Ferdinand Magellan

เฟอร์ดินันด์ มาเจลแลน (Ferdinand Magellan)

นักเดินเรือโปตุเกส ซึ่งเดินทางรอบโลกเป็นคนแรก

มาเจลแลน เกิดประมาณปี 1480 ในเมืองปอร์โต้, ซาโบรซ่า, โปรตุเกส (Porto city, Sabrosa, Portugal) ชื่อจริงของเขาในภาษาโปตุเกสคือ Fernão de Magalhães ครอบครัวของเขาเป็นขุนนางระดับล่าง พ่อของเขาชื่อโรดิโก้ (Rodrigo de Magelhaes) และแม่ชื่ออัลด้า (Alda de Mesquita) 

1490c พ่อแม่ของมาเจลแลนเสียชีวิตไปตอนที่เขาอายุราว 10 ปี หลังจากนั้นมาเจลแลนจึงได้เข้าไปเป็นข้าราชบริพาลในราชสำนักของพระราชินีลีโอนอร์ (Queen Leonor) พระมเหาสีของกษัตริย์จอห์น ที่ 2 (John II) 

เข้าเรียนที่ Queen Leonora’s School

1505  มีนาคม, ตอนอายุ 25 ปี เข้าเป็นทหารในกองเรือของโปตุเกสซึ่งกำลังจะออกเดินทางไปอินเดีย  ซึ่งนำโดยฟรานซิสโก เด อัลเมียด้า (Francisco de Almeida) ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการคนแรกของโปตุเกสประจำโปตุกีสอินเดีย (first viceroy of Portuguese India)  ตามคำสั่งของกษัตริย์มานูเอล (King Manuel I) 

ซึ่งการไปอินเดียครั้งนี้ ทำให้เขาต้องไปใช้ชีวิตอยู่นอกโปตุเกสนานถึง 8 ปี

ระหว่างที่เรือเดินทางมาถึงแคนนานอร์ (Cannanore (Kannur ปัจจุบัน))  นักประวัติศาสตร์ชื่อกาสปาร์ คอร์รีอา (Gaspar Correia) ได้บันทึกเอาไว้ว่ามาเจลแลนได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าเขาก็ได้ความรู้เกี่ยวกับการเดินเรือ

1506 ออกเดินเรือพร้อมกับนูโน่ วาส เปเรียร่า (Nuno Vaz Pereira) ไปยังโซฟาล่า (Sofala) ทางตะวันออกของชายฝั่งโมแซมบิก (Mozambique coast)  ซึ่งโปตุเกสได้มาตั้งฐานทัพเอาไว้ที่นี่

1507 เดินทางกลับมายังอินเดีย  

1509 2-3 กุมภาพันธ์, มาเจลแลนเข้าร่วมในการรบที่สมรภูมิดิยู (Battle of Diu) ซึ่งกองทัพโปตุเกสสามารถมีชัยชนะเหนือกองเรือผสมของรัฐสุลต่านกุจารัต (Gujarat Sultanate) กับรัฐสุลต่านมามลัค (Mamluk Sultanate) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอ๊อตโตมัน (Ottoman Empire) กับสาธารณรัฐเวนิช (Republice of Venice) ได้ ซึ่งเป็นผลทำให้โปตุเกสครอบครองการเดินทะเลในมหาสมุทรอินเดียวไว้ได้

หลังจากนั้นเขาได้ออกเดินทางมากับกองเรือของดิโอโก้ เซเคร่า (Diogo Lopes de Sequeira)  มายังรัฐมะละกา (Malacca)  บริเวณมาเลเซียปัจจุบัน ซึ่งดิโอโก้ เซเคร่า เป็นเอกอัคราชทูตคนแรกของโปตุเกสประจำมะละกา

ในการเดินทางปรากฏว่าเรือของโปตุเกสถูกโจมตีที่บริเวณนั้น ซึ่งมาเจลแลยนได้ช่วยชีวิตเพื่อนของเขาซึ่งอาจจะเป็นญาติกันด้วยชื่อว่า ฟรานซิสโก้ เซอร์เรา (Francisco Serrao) ไว้ในเหตุการณ์ปะทะนี้ด้วย 

กันยายน, เดินทางมาถึงมะละกา 

1510 10 ตุลาคม, อฟอนโซ่ เดอ อัลบุเคอกี้ (Afonso de Albuquerque) ผู้ปกครองคนใหม่ที่ถูกส่งมาอินเดีย ได้จัดประชุมขึ้นในเมืองโคชิน (Cochin) โดยวางแผนที่จะยึดเมืองเกา (Goa) คืนมาหลังจากสูญเสียไปเมื่อปีก่อน 

24 พฤศจิกายน, โปตุเกสยึดเมืองเกากลับมาได้ แต่ว่าไม่มีชื่อของมาเจลแลนในการร่วมรบครั้งนี้

1511 มิถุนาย, กองทัพเรือโปตุเกสนำโดยอฟอนโซ่ เดอ อัลบุเคอกี้ ได้เข้าโจมตีมะละกา และสามารถยืดมะละกาเอาไว้ได้ในเวลาหกสัปดาห์ ซึ่งมาเจลแลนได้ร่วมในการรบครั้งนี้ด้วย ซึ่งทำให้โปตุเกสได้ครอบครองบริเวณช่องแคบมะละกาและได้แหล่งผลิตเครื่องเทศสำคัญที่นำกลับไปขายในยุโรป 

1512 ฟรานซิสโก้ เซอร์เรา ถูกส่งให้มาสำรวจทางตะวันออกของมะละกา ทำให้เขาได้พบกับหมู่เกาะเครื่องเทศ (Spice Islands) หรือหมู่เกาะโมลุกะ (Moluccas) ในอินโดนีเซีย ซึ่งเซอร์เราได้เขียนจดหมายบอกมาเจลแลนเกี่ยวกับที่ตั้งของโมลุกะและเครื่องเทศที่เขาพบ

1513 มาเจลแลนเดินทางกลับมายังโปตุเกสในช่วงกลางปี ซึ่งไม่นานเขาก็ออกไปรบอีกครั้งกับกองทัพที่ออกไปรบที่เมืองอะเซมมอร์ (Azemmour) ในโมร๊อคโก (Morocco) ซึ่งมาเจลฟแลนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาของเขาในการต่อสู้ครั้งนี้ คนทำให้เขาเดินไม่ปกติมาตั้งแต่นั้น

1514 พฤศจิกายน, กลับมาอยู่ในกรุงลิสบอน ซึ่งมีรายงานว่ามาเจลแลนได้ถวายฏีกาของให้กษัตริย์มานูเอล (King Manuel) เพิ่มเงินบำนาญให้กับเขาเพื่อที่จะเป็นรางวัลที่ยึดโมร็อคโกเอาไว้ได้  แต่ว่ามาเจลแลนได้ถูกกล่าวหาว่าขายทรัพย์สินบางอย่างที่ได้มาจากการรบกลับไปให้พวกมัวร์ (Moors) ซึ่งเป็นศัตรู แม้ข้อกล่าวหาจะเป็นเท็จ แต่ก็ทำให้เขาไม่ได้รับการเพิ่มเงินบำนาญและยังไม่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนในการออกเดินเรือไปหมู่เกาะเครื่องเทศตามที่ขอด้วย

1515 กษัตริย์มานูเอลสั่งให้มาเจลแลนมาอยู่ในโมร็อคโก

1516 มาเจลแลนพยายามขอเพิ่มเงินบำนาญอีกครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธ

1517 ออกเดินทางมายังสเปน ซึ่งเขามาถึงเมืองเซวิลล่า (Sevilla) ในเดือนตุลาคม  ซึ่งต่อมาเขาร่วมเดินทางกับรุย ฟาเลียโร่ (Rui Faleiro) นักดาราศาสตร์โปตุเกส ไปยังเมืองวัลลาโดลิด (Valladolid) เพื่อเสนอตัวทำงานรับใช้ให้กับกษัตริย์ชาร์ล ที่ 1 แห่งสเปน (King Charles I of Spain, ภายหลังคือจักรพรรดิ ชาร์ล ที่ 5 แห่งโฮลี่โรมัน (emperor Charles V of Holy Roman) ซึ่งทำให้ชื่อของเขาถูกเรียกและเป็นที่รู้จักในภาษาสเปน ว่า Fernando de Magallances มากกว่าชื่อภาษาโปตุเกส

แต่งงานกับเบียทริซ บาร์โบซ่า (Beatiz Barbosa) พวกเขามีลูกด้วยกันคนหนึ่งชื่อโรดริโก้ (Rodrigo) 

1518 มาเจลแลนได้รับแต่งตั้งเป็นกัปตันร่วมกับฟาเลียโร่ ในการออกสำรวจดินแดนทางตะวันตกตั้งแต่ระยะ 370 ลีก (leagues) ไปทางตะวันตกของเกาะเคปเวอร์เด (Cape Verde Islands) ซึ่งตามสนธิสัญญา Treaty of Tordesillas ใช้เป็นเส้นแบ่งพรหมแดนที่ค้นพบใหม่และยังไม่ค้นพบระหว่างโปตุเกสและสเปน โดยทางตะวันตกเป็นของสเปน และตะวันออกเป็นของโปตุเกส ซึ่งหากว่ามาเจลแลนสามารถเดินทางไปถึงหมู่เกาะเครื่องเทศโดยอ้อมมาทางตะวันตก ก็จะทำให้สเปนสามารถอ้างกรรมสิทธิในหมู่เกาะเครื่องเทศได้ 

การเดินทางครั้งนี้กองเรือมีทั้งหมด 5 ลำ โดยมีเรือ Trinidad ที่มาเจลแลนใช้เป็นเรือธง และเรือลำอื่น ได้แก่ San Antonio, Concepcion, Victoria และ Santiago

1519 20 กันยายน, เริ่มออกเดินทาง โดยมีลูกเรือทั้งหมด 270 คน

26 กันยายน, เดินทางมาถึงหมู่เกาะคานารี (Canary Islands) 

3 ตุลาคม, เริ่มออกเดินทางโดยมีเป้าหมายที่จะไปบราซิล แต่ว่าเกิดพายุในทะเล ทำให้ต้องไปหลบอยู่บริเวณฝั่งที่กินี (Guinea) ในแอฟริกา

29 พฤศจิกายน, เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกประสบความสำเร็จ กองเรือของมาเจลแลนเดินทางมาถึงบริเวณใกล้กับแหลมเซนต์ออกัสติน (Cape St.Augustine) ในบราซิล 

13 ธันวาคม, เดินทางเข้ามาบริเวณอ่าวริโอ เดอ จาเนโร (Rio de Janeiro bay) 

1520 31 มีนาคม, เดินทางมาถึงเซนต์ จูเลี่ยน (Saint Julian, Argentina) ในอาร์เจนติน่า 

24 สิงหาคม, ออกจากเซนต์ จูเลี่ยน  

เดือนต่อมาได้เดินทางมาถึงบริเวณแม่น้ำซานตา ครูซ (Santa Cruz River) ซึ่งที่นี่เขาต้องสูญเสียเรือ the Santiago ไประหว่างการสำรวจ 

21 ตุลาคม, เดินทางมาถึงแหลมเวอร์จิ้น (Cape of the Virgins) ซึ่งที่นี่เขาได้ค้นพบช่องแคบ ที่เชื่อระหว่างมหาสมุทร์แอตแลนติกกับแปซิฟิก ซึ่งช่องแคบนี้ถูกตั้งชื่อว่าช่องแคบมาเจลแลน (Striat of Magellan) เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา

25 พฤศจิกายน, กองเรือของมาเจลแลนข้ามมามหาสมุทรแปซิฟิกได้ โดยเหลือเรืออยู่ 3 ลำ คือ the Trinidad, the Concepcion และ theVictoria โดยเสียเรือ TheSan Antonio เพราะเกยตื่นระหว่างเดินทางข้ามช่องแคบมาเจลแลน

1521 6 มีนาคม, เดินทางมาถึงเกาะกวม (Guan) ในหมู่เกามาริอาน่า (the Marianas Island)

9 มีนาคม, ออกเดินทางต่อมายังฟิลิปปินส์

เมื่อมาถึงฟิลิปปินส์ มาเจลแลนสามารถโน้มน้าวให้ผู้ปกครองเกาะเซบุ (Cebu Island) เปลี่ยนมานับถือคริสต์ได้ และกลายเป็นพันธมิตรกับเขา 

27 เมษายน, (Battle of Maktano) เสียชีวิต ระหว่างการรบกับคนพื้นเมืองใกล้กับเกาะแม็คตัน (Mactan Island)

หลังจากมาเจลแลนเสียชีวิต ลูกเรือที่เรือของเขา ใช้เรือ the Trinidad และ the Victoria ในการเดินทางต่อไปยังมะละกา

1522 8 กันยายน,  เรือ Victoria เดินทางกลับมาถึงสเปน โดยมีลูกเรือรอดชาวยุโรปที่รอดชีวิตกลับมา 17 คน  และชาวพื้นเมืองโมลุกะอีกจำนวนหนึ่งมากับเรือ ซึ่งจักรพรรดิชาร์ล (emperor Charles) ได้มอบตราสัญลักษณ์ซึ่งเขียนว่า “Primus cirrumdedisti me” (ท่านเป็นคนแรกที่เดินทางรอบข้า)

Don`t copy text!