Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Battle of Thermopylae

491 BC จักรพรรดิดาเรียส (Darius)  แห่งเปอร์เซีย (Achaemenid Empire -Pursia) ได้ส่งทูตเดินทางมายังกรีก เพื่อบอกให้กรีกยอมสวามิภักดิ์ให้กับตน  แต่ว่ากรีกได้สังหารทูตที่ส่งมา หลังจากนั้นรัฐต่างๆ ของกรีกรวมถึงสปาร์ต้าก็ได้รวมตัวกันเพื่อปกป้องดินแดนจากการรุกรานชองเปอร์เซีย 

จักรพรรดิดาเรียสได้ส่งกองเรือ 600 ลำ และทหารกว่าสองหมื่นนายเข้าโจมตี ไซคลาเดส (Ceclades) และยูโบอา (Euboea) 

490 BC สมรภูมิที่มาราธอน (Battle of Marathon) ชาวกรีกสามารถรบชนะเปอร์เซียได้ 

486 BC จักรพรรดิเซอร์เซส (Xerxes 1)  ได้ขึ้นมาเป็นจักรพรรดิเปอร์เซียหลังการสวรรคตของจักรพรรดิดาเรียส  เซอร์เซสได้ตระเตรียมกองทัพขนาดมหึมา มีการสร้างอาวุธและสำรองเสบียงมหาศาล มีการขุดคลองชาลกิไดก์ (Chalkidike canal ) และสร้งเรือสะพานสำหรับใช้ข้ามทะเลบริเวณเฮลล์สปอนต์ (Hellespont) 

480 BC กษัตริย์เซอร์เซส ได้ยกกองทัพ ประกอบด้วยหลายแสน เพื่อที่จะยึดครองรัฐต่างๆ ของกรีก 

เมื่อข่าวว่ากองทัพเปอร์เซียจะทำการรุกราน ได้มาถึงกรีก นครรัฐของกรีกหลายแห่งจึงได้ร่วมมือกันในการต่อต้านกองทัพเปอร์เซีย โดยมีกษัตริย์ลีโอนิดาส ที่ 1 แห่งสปาร์ต้า (Leonidas I of Sparta) เป็นผู้นำทหารกรีกในการรบทางบก โดยกองทัพบกของกรีกมีกำลังพลประมาณ 10,000 นาย และวางกำลังไว้ที่บริเวณหุบเขาเทมเป (Valley o Tempe) ใกล้กับเทือกเขาโอลิมปอส (Mt. Olympos)  แต่ว่าต่อมาก็ต้องยอมถอนทหารออกมา หลังจากได้เห็นว่ากองกำลังเปอร์เซียมีขนาดมหาศาลเพียงไหน 

หลังจากรัฐกรีกต่างๆ ได้กลับมาประชุมกันเพื่อหาทางรับมือ แต่ว่านครรัฐของกรีกหลายแห่งก็ไม่เห็นด้วยกับการรบครั้งนี้ เพราะว่าใกล้ถึงเทศกาลสำคัญอย่างกีฬาโอลิปิก ซึ่งมีความสำคัญทางศาสนา  ในสปาร์ต้าเองก็ใกล้จะมีกีฬาคาร์เนไอ (Karneia) ซึ่งตามความเชื่อจะไม่ทำสงครามกันในช่วงนี้  ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สปาร์ต้าส่งทหารมาช้าในการรบที่มาราธอน

แต่สุดท้ายกรีกก็ได้ตั้งกองกำลังประสมขึ้นมาใหม่ โดยมีทหารประมาณ 7,000 นาย ที่ถูกส่งไปเฝ้าบริเวณเทอร์มอไพลี ที่เป็นทางที่เปอร์เซียจำเป็นต้องผ่านก่อนจะเข้าสู่กรีก  โดยกองทัพกรีกนั้น ประกอบไปด้วย ทหารจากสปาร์ต้า 300 นาย ทหารอาร์คาเดียน (Arcadian) 2,000 นาย  ทหารจากโลเครียน (Lokrain) 1,000 นาย ทหารโฟเคียน (Phokian) 1000 นาย ทหารโครินเทียน (Corinthian) 400 นาย ทหารเธบาน (Theban) 400 นาย ทหารเพเลียส (Phleiois) 200 นายและทหาร 80 นายจากไมเคเนียน (Mycenaean) 

กองทัพนำโดยกษัตริย์ลีโอนิดาส ถูกส่งไปที่เทอร์มอไพลี (Thermopylae) ซึ่งเป็นช่องทางผ่านในหุบเขา ใกล้กับทะเลทางตอนเหนือของกรีก  ซึ่งเป็นจุดที่ทหารกรีกซึ่งมีจำนวนน้อยกว่ามากใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการปกป้องเมือง  ทำให้เกิดวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ แสดงถึงความกล้าหาญ ที่ยอมพลีชีพและสามารถยืนหยัดต่อสู้ได้นานถึงสามวัน

ขณะเดียวกันกองทัพเรือของกรีก นำโดยนายพลเธมิสโตเคิ้ล (Themistocles) ก็นำกองทัพเรือของกรีก ไปปกป้องช่องทางทางทะเลบริเวณช่องแคบอาร์เตมิเซียม (Artemisium)

สิงหาคม, (Battle of Thermopylae) เทอร์มอพูเล่ นั้นอยู่ห่างจากตอนเหนือของเอเธนส์ไป 150 กิโลเมตร นอกจากเป็นช่องเขาธรรมชาติแล้ว ยังไม่ซากกำแพงเก่าที่ถูกสร้างลงไปจนถึงชายทะเลโดยชาวโฟเคียนที่เป็นคนในพื้นที่

เมื่อกองทัพของเปอร์เซียมาถึงเทอร์มอไพลี เซอร์เซสได้ตั้งหยุดกองทัพเอาไว้สี่วัน โดยหวังว่าทหารกรีกเมื่อเห็นกองทัพมากมายของเปอร์เซียแล้วจะเสียขวัญหนีไปเอง แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปสี่วัน กรีกยังไม่ยอมจำนนอย่างที่ต้องการ เซอร์เซส ก็ได้ส่งทูตเข้าไปเจรจาเป็นครั้งสุดท้ายให้กรีกยอมวางอาวุธ ซึ่งลีโอนิดาส ได้ตอบว่า molōn labe (เข้ามาเอาเองสิ) จากนั้นเปอร์เซียกับกรีกก็เริ่มรบกัน

วันแรกของการรบกัน ทหารกรีกสามารถที่จะยืดหยัดปกป้องช่องทางผ่านที่เทอร์มอไพลีเอาไว้ได้  แต่ว่าในวันที่สอง อีเฟียลเตส (Ephialtes) ลูกชายของยูรีเดมอส (Eurydemos) ซึ่งเป็นคนเลี้ยงแกะ ได้ทรยศเพราะว่าหวังจะได้รางวัลจากเซอร์เซส  อีเฟียลเตสได้แอบบอกความลับเกี่ยวกับช่องทางลับที่จะเลี่ยงไปด้านข้างของเทอร์มอไพลีได้ โดยช่องทางลับนี้ชื่อว่า อโนไพอา (Anopaia path)  ทำให้เซอร์เซสสามารถส่งทหารอ้อมเข้ามาด้านหลังของกองทัพกรีกได้ และปิดโอกาสที่ทหารกรีกจะถอยหนี การรบในวันที่สามทหารกรีกส่วนใหญ่จึงเสียชีวิต ร่วมถึงลีโอนิดาส ได้ถูกตัดศรีษะ และเสียบไว้ในสนามรบเพื่อข่มขวัญชาวกรีก

ในขณะที่การรบที่อาร์เตมิเซียม กองทัพเปอร์เสียต้องรบกับธรรมชาติมากว่ารบกับฝ่ายกรีก เพราะเรือของเปอร์เซียเผชิญกับพายุถึงสองหน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อข่าวการพ่ายแพ้ให้กับเปอร์เซียที่ เทอร์มอพูเล่ มาถึง กองทัพเรือของกรีกก็ได้ถอนทัพกลับไปยังซาลามิส (Salamis)

กองทัพกรีกที่เหลือได้รวมตัวกันขึ้นมาใหม่ภายใต้การนำของเคลียมโบรตอส (Klembrotos) อนุชาของลีโอนิดาส และได้มีการสร้างแนวรับขึ้นมาใหม่บริเวณโครินท์ (Corinth) 

ฝ่ายเปอร์เซียพ่ายในการรบในทะเล ประกอบกับย่างเข้าหน้าหนาวทำให้เซอร์เซส เสด็จกลับไปยังเซาซ่า (Sousa) เมืองหลวง ปล่อยให้นายพลมาร์โดเนียส (Mardonius) ทำหน้าที่ในการบัญชาการรบแทน 

479 BC กองทัพกรีกและเปอร์เซีย ทำการรบครั้งสำคัญในการรบที่พลาเทีย (Plataea) และฝ่ายกรีกสามารถเอาชนะเปอร์เซียได้อย่างเด็ดขาด

Don`t copy text!