Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Nadezhda Plevitskaya

Nadezhda Plevitskaya

นาเดซด้า เปลวิตสกาย่า (Надежда Васильевна  Плевицская)

นักร้อง, สายลับ

นาเดีย (Nadezhda Vinnikova) เกิดวันที่ 17 มกราคม 1884 ในหมู่บ้านวินนิโกโว่, คูร์สก์ (Vinnikovo, Kursk) ครอบครัวของเธอเป็นเกษตรกร พ่อชื่อว่าวาสิลี (Vasily Vinnikov)  ครอบครัวของเธอมีทั้งหมด 7 คน (พ่อแม่ของเธอมีลูก 12 คน แต่ว่ามีเพียง 5 คนที่มีชีวิตจนเป็นผู้ใหญ่) บ้านของพวกเขามีที่ดินในครอบครองอยู่ 19 เอเคอร์ซึ่งให้ผลผลิตดี  ทำให้ความเป็นอยู่ไม่ยากลำบาก จนกระทั้งพ่อเสียชีวิตไปอย่างกระทันหัน  ตอนนาเดียอายุ 13 ปี แม่จึงได้ส่งเธอเข้าไปอยู่ที่โรงเรียนแม่ชีโฮลี่ไตรนิตี้คอนแวนต์ (Holy Trinity convent, kursk-sestry.ru) อยู่เกือบสองปี ระหว่างเรียนอยู่ที่นี่เธอได้ฝึกการร้องเพลงประสานเสียงไปด้วย 

เมื่ออายุ 15 นาเดีย ได้พบกับคณะละครสัตว์ที่มาเปิดการแสดงในเมืองของเธอ นาเดียจึงตัดสินใจที่จะออกจากโรงเรียนชี ไปฝึกเป็นนักแสดงในละครสัตว์ แต่ว่าแม่ของเธอจับได้ จึงได้ห้ามเอาไว้ 

เมื่ออายุ 16 ปี นาเดีย ออกจากโรงเรียนมาทำงานเป็นคนรับใช้อยู่ในบ้านของเศรษฐีตระกูลกลากอฟ (Glakov)  ก่อนที่ต่อมาเธอจะย้ายมาอยู่ที่เคียฟ (Kiev) ในยูเครน และได้เป็นนักร้องประสานเสียงอยู่ในโบสถ์ ไม่นานนาเดียก็ได้เป็นนักร้องอาชีพ และได้ทำงานกับคณะบัลเลต์สไตน์ (Stein ballet company) ซึ่งทำให้เธอได้พบกับเอ็ดมันด์ เปลวิคกี้ (Edmund Myakheslavovich Plewicki (Plevitsky)) นักเต้น เชื้อสายโปแลนด์

1903 นาเดียแต่งงานกับเอ็ดมันด์ 

1908 หย่ากับสามีก่อนที่ต่อมานาเดียจะย้ายไปมอสโคว์

เมื่อมาถึงมอสโคว์ นาเดียได้งานเป็นนักร้องที่ร้านอาหารยาร์ (Yar restaurant) ซึ่งทำให้เธอมีชื่อเสียงมากจากการร้องเพลงพื้นเมือง

1909 ได้รู้จักกับลีโอนิด โซบินอฟ (Leonid Sobinov) นักร้องชื่อดังของรัสเซียระหว่างที่เธอและคณะได้เดินทางมาทัวร์คอนเสิร์ตที่นิชนี่นอฟ โกรอด (Nizhny Novgorod) ซึ่งโซปินอฟได้ทำให้เปลวิตสกาย่าได้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 (Nicholas II) และซาร์ดิน่าอเล็กซานดร้า (Empress Alexandra Feodorovna) ซึ่งสองพระองค์ประทับใจในน้ำเสียงของนาเดียมาก ทั้งสองพระองค์จึงได้ประทานของรางวัลพวกเครื่องประดับมีค่าได้ให้เธอ  นาเดียถูกซาร์นิโคลัส เรียกว่าเป็น “Kursk Nightingale” 

1910 มีการบันทึกเสียงเพลงของเธออกจำหน่ายเป็นครั้งแรก ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี

1914 ในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 1 นาเดียแต่งงานกับร้อยโทแชนกิ้น (Lieutenant Shangin of the Cuirassiers regiment)  นาเดียตามเขาออกไปในสงครามโดยทำหน้าที่เป็นพยาบาล แต่ว่าแชนกิ้นเสียชีวิตในสมรภูมิในปี 1915

1915 ปรากฏตัวในภาพยนต์ Scream of Live (Крик жизни) และ The Power of darkness (Власть тьмы)

1917 หลังการปฏิวัติตุลาคมในรัสเซีย เปลวิตสกาย่าได้กลายเป็นคอมมิวนิสต์ และเป็นนักร้องให้กับกองทัพแดงในโอเดสสา (Odessa)

1919 ถูกทหารฝ่ายของกองทัพขาว (White Army) หน่วยคอร์นิลอฟ (Kornilov division) ภายใต้การบังคับการณ์ของนายพลนิโคไล ชโคปลิน (General Nikolai Skoblin) จับตัวเอาให้ได้ ซึ่งนายพลชโคปลินจำนาเดียได้ทันที่ที่จับเธอมา จึงพาตัวไปไว้ที่ศูนย์บัญชาการ

1921 เมื่อกองทัพขาวพ่ายแพ้ในสงคราม นายพลชโคปลิน ได้ลี้ภัยมาอยู่ในตุรกี และได้แต่งงานกับนาเดีย

ที่ตุรกีนายพลชโคปลิน ได้ทำงานให้กับองค์กร ROVS (Russian All-Military Union) ซึ่งเป็นองค์กรที่กองทัพขาวตั้งขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือทหารกองทัพขาวที่ต้องการลี้ภัย

1926 นาเดียออกทัวร์คอนเสิร์ตในหลายประเทศในยุโรป และยังได้เดินทางไปแสดงในสหรัฐฯ ด้วย ซึ่งระหว่างที่อยู่ในสหรัฐฯ เธอได้พบกับเซอร์เกย์ รัชมานินอฟฟ์ (Sergei Rachmaninoff) ซึ่งช่วยเธอบันทึกเสียงเพลง “You are my white faced and blushy”

1930 เปลวิตสกาย่าสามารถเกลี่ยกล่อมนาพลชโคปลิน สามีของเธอ ให้มาทำงานกับฝ่ายโซเวียตได้สำเร็จ และเขาได้ถูกว่าจ้างโดยหน่วยตำรวจลับ GPU 

1931 ได้เข้าทำงานกับหน่วยสายลับของโซเวียต

เมื่อกลับมายังโซเวียต ได้ใช้ชื่อว่า Mr & Mrs. Grozovsky และเบื้องหน้าได้เข้าไปทำงานกับคณะกรรมธิการด้านการค้าระหว่างประเทศ (Soviet Central Executive Committer and the Foreign Trade Comissariat)  

1937 นาเดียกับสามี  ร่วมขบวนการลักพาตัวนายพลเยฟกินี มิลเลอร์ (General Yevgeny Miller) อดีตนายพลของกองทัพขาว ระหว่างที่เขาอยู่ในปารีสและส่งตัวกลับมายังโซเวียตด้วยช่องทางทะเล ซึ่งนี่เป็นคดีใหญ่ที่สุดที่ทำให้เปลวิตสกาย่ามีชื่อเสียง  แต่ก่อนที่นายพลมิลเลอร์จะถูกจับ เขาได้ทิ้งโน๊ตเอาไว้ซึ่งนำไปสู่การที่นาเดียและสามีถูกเปิดโปงว่าเป็นสายลับไว้ นายพลมิลเลอร์ถูกจับทรมานเป็นเวลากว่า 19 เดือน ก่อนที่จะถูกสังหารในเดือนเมษายนปีถัดมา

ส่วนเปลวิตสกาย่ากับสามี หลังจากก่อคดีลักพาตัว พวกเขาได้หลบหนีไปยังสเปน และได้รับการคุ้มคลองจากรัฐบาลสเปนซึ่งหนุนหลังโซเวียตทำให้ไม่ถูกจับเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปฝรั่งเศส แต่ว่าไม่นานหลังมาอยู่ในสเปนชโคปลินก็เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ 

27 กันยายน, นาเดียถูกทางการฝรั่งเศสจับตัวได้บริเวณพรหมแดน

1938 นาเดียถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 20 ปี

1940 5 ตุลาคม, นาเดียเสียชีวิตในเรือนจำในเมืองรีนน์ (Rennes, French) ระหว่างที่เมืองถูกเยอรมันเข้าครอบครอง

Don`t copy text!