Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Lavr Kornilov

ลาฟร์ คอร์นิลอฟ (Лавр Георгиевич Корнилов)
คอร์นิลอฟ เกิดวันที่ 18 สิงหาคม 1870 ในอุสต์-คาเมโนกอร์สก์, เตอร์เกสถาน(USA-Kamenogorsk, Russia Turkestan)  ปัจจุบันอยู่ในคาซัคสถาน (Kazakhstan)  พ่อของเขามีเชื้อสายคอสแซ็ค มีชื่อว่ากริกอรี คอร์นิลอฟ (Grigory Kornilov) ส่วนแม่ชื่อว่ามาเรีย (Maria Ivanovna) ซึ่งมีเชื้อสายคาซัค
1885 คอร์นิลอฟเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารในเมืองโอมส์ก (Omsk) 
1889 มาเรยีนต่อที่โรงเรียนทหารปืนใหญ่มิคาอิลอฟสกี้ (Mikhailovsky Artillery School) 
1892 เขาได้รับยศร้อยโทและมาประจำการ์ณอยู่ในเขตทหารเตอร์เกสถาน ซึ่งระหว่างนี้มีหลายครั้งที่ต้องเดินทางเข้าไปในเปอร์เซียและอัฟกานิสถาน
กลับเข้ามาเรียนที่สถาบันทหารมิโกลาเยฟ (Mykoloayiv General Staff Academy) 
1897 จบจากสถาบันมิโกลาเยฟ และได้เลื่อนยศเป็นร้อยเอก หลังจากเรียนจบเขาก็กลับมาประจำการณ์ในเตอร์เกสถาน เหมือนเดิม
1904 ช่วงสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War, 1904-1905) คอร์นิลอฟได้เป็นผู้บังคับการณ์หน่วยทหารราบที่ 1 และได้
1905 ร่วมรบในสมรภูมิซานเดปู (Battle of Sandepu) และที่สมรภูมิมุกเดน (Battle of Mukden) 
หลังสงครามยุติเขาได้รับเหรียญเซนต์จอร์จ (Order of St.George) ชั้นที่ 4 เป็นรางวัลในวีรกรรม, และได้รับการเลื่อนยศเป็นพันเอก
1907 ถูกส่งมาทำงานอยู่ในประเทศจีน ระหว่างนี้เขาได้เรียนภาษาจีนและวัฒนธรรม และยังมีโอกาสได้พบกับเจียง ไคเช็ค (Chiang Kai-shek) ด้วย
1910 ถูกเรียกตัวกลับรัสเซีย
1911 ได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารราบหน่วยที่ 8 ซึ่งประจำการณ์ในเอสตัวเนีย (Estonia)  และต่อมาได้ย้ายมาบังคับบัญชาหน่วยทหารปืนไรเฟิ้ล ที่ 9  ในวลาดิวอสต๊อก 
1914 เมื่อเกิดสงครามโลก ครั้งที่ 1 เขาได้ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารราบที่ 48 
1915 ได้รับยศพลเอก 
เมษายน, เขาถูกจับตัวไว้ได้โดยทหารของออสเตรีย 
1916 ช่วงต้นปีเขาสามารถหลบหนีออกมาได้ และกลับไปยังรัสเซียอย่างปลอดภัย
1917 หลังการปฏิวัติกุมภาพันธ์ (February Revolution) ซึ่งระบบกษัตริย์ในรัสเซียสิ้นสุดลง คอร์นิลอฟได้รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารในเขตเปโตรกราด เมืองหลวง
มีนาคม, คอร์นิลอฟหน้าที่เป็นผู้ควบคุมตัวซาร์ดินาอเล็กซานตร้า (Empress Alexandra) และพระโอรสพระธิดาเอาไว้ภายในพระราชวังอเล็กซานเดอร์ด้วย ซึ่งช่วงนี้ซาร์นิโคลัส (Tsar Nicholas II) ยังคงอยู่ที่สตาฟก้า (Stavka) 
มิถุนายน, คอร์นิลอฟ กลายเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของรัสเซียในช่วงของรัฐบาลเฉพาะกาลของเคเรนสกี้ (Alexander Kerensky) 
กรกฏาคม, คอร์นิลอฟพยายามทำการปฏิวัติล้มรัฐบาลของเคเรนสกี้ พร้อมกับโค่นจะล้มเปโตรกราดโซเวียต (Petrograd Soviet) ซึ่งเป็นเสมือนอีกรัฐบาลหนึ่งในช่วงเวลานั้นไปพร้อมๆ กัน  ที่กำลังแข่งขันกันมีอำนาจกับรัฐบาลาเฉพาะกาลของเคเรนสกี้ แต่ว่าการปฏิวัติของคอร์นิลอฟล้มเหลว เมื่อถูกขัดขวางจากกลุ่มแรงงานที่สนับสนุนเปโตรกราดโซเวียต
เมื่อการปฏิวัติล้มเหลวคอร์นิลอฟถูกจับขังไว้ที่เรือนจำไบคอฟ (Bykhov prison)
19 พฤศจิกายน, คอร์นิลอฟหนีออกจากเรือนจำได้ และได้หลบหนีไปอยู่กับกองทัพอาสา (Volunteer Army) ที่ต่อต้านโซเวียตในเขตดอน (Don) 
1918 24 กุมภาพันธ์, กองทหารของบอลเชวิคสามารถยึดรอสตอฟ (Rostov on Don) เอาไว้ได้  คอร์นิลอฟจึงได้ทำเอากองทัพทหารอาสาออกเดินทางไปยังคุบาน (Kuban) พื้นที่ทางใต้ลงไปซึ่งยังเป็นทุ่งหญ้าสเตปป์ โดยที่มีทหารบอลเชวิคไล่ตามลงไป
13 เมษายน, คอร์นิลอฟเสียชีวิตจากกระสุนปืนใหญ่ของทหารบอลเชวิค ที่ตกใส่ศูนย์บัญชาการณ์ของเขา ร่างของเขาถูกนำไปฝังในระแวกหมู่บ้านแต่ว่าไม่นานหลุมศพของเขาก็ถูกทหาสรบอลเชวิคค้นพบ ร่างที่เหลืออยู่ของคอร์นิลอฟจึงถูกขุดขึ้นมาและเผาทำลายอีกครั้ง 

Don`t copy text!