Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Simonides of Ceos

ซีโมไนเดส แห่ง ซีออส (Σιμωνίδης ο Κείος)
Method of Loci

สาราณุกรมซูด้า (Suda encyclopedia) ของไบเซนไทน์บอกว่าซีโมไนเดส เกิดในปีโอลิมเปียที่ 56 และมีอายุยืนยาวถึง 89 ปี ก่อนที่จะเสียชีวิตในปีโอลิมเปียที่ 78  ซึ่งนักประวัติศาสตร์สมัยใหม่ระบุช่วงเวลาเอาไว้ระหว่างปี 556-468 BC
ซิโมไนเดส เกิดในเมืองลัวลิสตั้งอยู่บนเกาะซีออส (loulis, Ceos) เกาะหนึ่งในหมู่เกาะไซคลาเดส (Cyclades) เขาเป็นลูกของเลฟปรีเปส (Leoprepes) ซิโมไนเดสได้รับการฝึกให้เป็นกวีและนักดนตรีมาตั้งแต่วัยเยาว์ ชาวเกาะในระแวกนี้บูชาเทพอพอลโล เพราะว่าอพอลโลเกิดบนเกาะเดลอส (Delos) เกาะหนึ่งในหมู่เกาะไซคลาเดส  ซิโมไนเดสก็ได้ทำหน้าที่เป็นนักร้องช่วงที่มีพิธีกรรมในวิหารอพอลโลด้วย

ต่อมาเขาได้ย้ายมาอยู่ในเอเธนส์ ซึ่งตอนนั้นปกครองโดยเผด็จการชื่อฮิปปาร์ชุส (Hipparchus) แต่ว่าฮิปปาร์ชุสนั้นชอบและสงเสริมงานศิลปะ ซึ่งเป็นโอกาสของซีโมไนเดสในการหาเงิน
514BC ฮิปปาร์ชุส ถูกลอบสังหาร ซีโมไนเดสจึงย้ายมาอยู่ที่เธสซาลี (Thessaly) โดยที่ได้ทำงานรับใช้ให้กับคนในตระกูลสโคปาแด (Scopadae) และอลัวแด (Aleuadae) ซึ่งเป็นสองตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลของเธสซาลี
ใน De Oratore เขียนโดยซิเซโร (Cicero) เล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ซิโมไนเดส ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองชัยชนะในการแข่งม้าโรมัน (chariot race)ของสโคปัส (Scopas)ในคฤหาสน์ของเขา และซิโมไนเดสก็ทำหน้าที่ขับบทกวีเพื่อสรรเสริญสโคปัส แต่ว่าบทกวีของเขากลับสรรเสริญสโคปัสครึ่ง และสรรเสริญ คาสเตอร์กับโพลลักซ์ (Castor and Pollux) อีกครึ่งหนึ่ง
คาสเตอร์กับโพลลักซ์นั้นเป็นฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน มีมารดาคือเลด้า (Leda) แต่ว่าคาสเตอร์นั้นพ่อคือทินดาเรียส (Tyndareus) นักรบสปาต้า ส่วนโพลลักซ์นั้นพ่อคือเทพซูส (Zeus) ทั้งสองเป็นนักรบที่เก่งและเป็นอมตะ แต่บางตำนานเล่าว่ามีเพียงโพลลักซ์ที่เป็นอมตะ แต่เมื่อคาสเตอร์ถูกสังหาร โพลลักซ์จึงได้แบ่งร่างครึ่งหนึ่งให้กับคาสเตอร์​ชาวโรมันจึงเรียนพวกเขาว่าเป็นเจมินี (Gemeni)
เมื่อสโคปัสไม่พอใจที่บทกวีของซิโมไนเดสยกย่องเขาน้องเกินไป เขาก็หลบหลู่ซิโมไนเดสโดยการบอกว่าจะจ่ายเงินเพียงแค่ครึ่งเดียวจากที่ตกลงกัน และอีกครึ่งให้ไปเก็บกับลูกของทินดาเรียส
ปรากฏว่ามีคนรับใช้เดินมาบอกว่าคาสเตอร์และโพลลักซ์มารอซิโมไนเดสที่อยู่หน้าประตูด้านนอก แต่ก็ไม่มีใครมองเห็นคาสเตอร์กับโพลลักซ์
เมื่อซิโมไนเดสเดินออกมาจากคฤหาสน์ของสโคปัส ก็ปรากฏว่าคฤหาสน์ได้พังถล่มลงมาและทับร่างของสโคปัสและญาติที่เหลือจนเสียชีวิต
เมื่อเพื่อนของสโคปัสต้องการที่จะเข้าไปเก็บศพของพวกคนที่ตายมาประกอบพิธี เขาก็พบว่าศพถูกทับแหลกจนไม่สามารถระบุได้ว่าชิ้นส่วนไหนเป็นของคนไหน มีเพียงซิโมไนเดสที่สามารถนำชิ้นส่วนของศพรวมกลับมาได้ใหม่เท่านั้นโดยอาศัยความจำว่าใครนั่งอยู่ตรงไหนทำอะไรอยู่ ซึ่งนั้นเป็นเหตุให้เขาค้นพบเทคนิคในการจัดการความจำ
492BC เปอร์เซียบุกกรีซเป็นครั้งแรก
490BC หลังเหตุการณ์สงครามรบที่มาราธอน (battle of Marathon)  ซีโมไนเดสได้ย้ายกลับมาที่เอเธนส์ และไม่นานก็เดินทางต่อไปที่เกาะซิซิลี (Sicily) ตามคำเชิญของเฮียโร แห่ง ไซราคูส  (Hiero of Syracuse) ซึ่งเขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนเกาะซิซิลีจนกระทั้งเสียชีวิต
468BC เสียชีวิตที่อกริเกนโต้ , ซิซิลี (Agrigento)

นักวิทยาศาสตร์ให้เครดิตซิโมไนเดส ว่าเป็นผู้คิดค้น Method of Loci ซึ่งเป็นเทคนิคการฝึกความจำ โดยการแทนข้อมูลด้วยภาพ

Don`t copy text!