Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Aleksandr Kurpin

อเล็กซานเดอร์ คุปริ้น (Александр Иванович Куприн)
ผู้เขียน The Duel, Moloch
คุปริ้น เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 1870 ในเมืองนารอฟชัต (Narovchat, Penza) ทางตอนใต้ของรัสเซีย  พ่อของเขาชื่ออีวาน (Ivan Ivanovich Kuprin) และแม่ชื่อลัวบอฟ (Liubov Alekseyevna Kuluchakova) ลัวบอฟนั้นสืบเชื้อสายมาจากเจ้าหญิงของชาวตาตาร์  คุปริ้นมีพี่สาวสองคนชื่อโซเฟีย (Sofia) และซีไนด้า (Zinaida)
1871 อีวาน พ่อของเขาเสียชีวิตจากโรคอหิวาห์
1874 แม่พาสมาชิกครอบครัวที่เหลืออยู่ย้ายมาอยู่ที่คูดริโน่, มอสโคว์ (Kudrino, Moscow)
1876 คุปริ้นเข้าเรียนที่โรงเรียนเรซุมอฟสกี้ (Razumovsky school) ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำของเด็กกำพร้า
1880 เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมเตรียมทหารของกองทัพ (the second Moscow Military High School , Cadet Corps)
1886 มีผลงานเขียนนิยายสั้นๆ เรื่อง Moloch พิมพ์ลงในหนังสือแม็กกาซีน Russkoye Bogatstvo ซึ่งผลงานชิ้นนี้ถือเป็นผลงานเอกชิ้นแรกที่สร้างชื่อเสียงให้เขา
1887 เข้าเรียนต่อที่สถาบันทหารอเล็กซานเดอร์ (Alexander Military Academy) ในมอสโคว์
1889 The  Final Premiere
1890 จบจากสถาบันทหาร หลังจากนั้นถูกบรรจุเข้าในหน่วยทหารราบดินิเปอร์ที่ 46 (46th Dnieper Infantry Regiment) ประจำการณ์อยู่ในพรอสกุรอฟ (Proskurov)
ช่วงเวลาที่รับราชการทหารอยู่นี้เขามีผลงานเขียนนิยายสั้นๆ ออกมาหลายชิ้น อย่าง In the Dark (1893), The Inquiry (1894), Madness (1894)
1894 เขาลาออกจากการเป็นทหาร เขาออกเดินทางไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ระหว่างนี้รับจ้างทำงานหลายอย่างเพื่อดำรงชีวิต ทั้งเป็นนักแสดง, ล่าสัตว์
เมื่องมาถึงกรุงเคียฟ เขาได้ทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Kievskoe Slovo (Kive Word) และ Zhizn i Iskusstvo  (Live and Art)
1896 เขาถูกว่าจ้างให้เป็นหัวหน้าฝ่ายปัญชีของบริษัทก่อสร้างร่างรถไฟในเมืองโดเน็ตส์ก (Donetsk)
1901 ย้ายมาอยู่ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และได้รู้จักกับเชคอฟ (Anton Chekhov), บุนิน (Ivan Bunin) , กอร์กี้ (Maxim Gorky) คุปริ้นได้เข้าร่วมกับกลุ่ม Moscow Sreda ซึ่งเป็นกลุ่มของนักเขียนรุ่นใหม่ที่มารวมตัวกันทุกวันพุธ
1902 แต่งงานกับมาเรีย ดาวีโดว่า (Maria Karlovna Davydova) พวกเขามีลูกด้วยกันคนหนึ่งชื่อลิเดีย (Lidia) มาเรียเป็นลูกบุญธรรมของอเล็กซานดร้า (Alexandra Davydova) บรรณาธิการของแม็กกาซีน Mir Bozhy ซึ่งอเล็กซานดร้าเสียชีวิตไม่กี่เดือนหลังจากทั้งคู่แต่งงานกัน  มาเรียกับคุปริ้นจึงรับหน้าที่ดูแลหนังสือแม็กกาซีน Mir Bozhy ต่อจากเธอ
1905 The Duel ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้เขาที่สุดพิมพ์ออกมา
15 พฤษศจิกายน, คุปริ้นเป็นหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์เรือโอชาคอฟ (Ochakov cruiser) ถูกเผาบริเวณท่าเรือในเซวาสโตโพล (Sevastopol) ในเทะเลดำ ช่วงการปฏิวัติ 1905 ในรัสเซีย คุปริ้นเขียนเล่าไว้ในนิยาย The Caterpillar ของเขาว่าเขาได้พยายามช่วยเหลือทหารเรือหลายคนที่กระโดดออกจากเรือที่กำลังไหม้
1906 เข้าได้เป็นสมาชิกสภาดูม่า (State Duma)
1907 หย่ากับมาเรีย และแต่งงานครั้งที่  2 กับเยลิซาเวต้า (Elizaveta Heinrich)
1908 เขาเกือบได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ Academy of Scienes แต่ว่าอิวาน บุนิน (Ivan Bunin) เพื่อนของเขากลับไม่เห็นด้วยที่คุปริ้นจะเป็นสมาชิก เพราะเห็นว่าคุปริ้นมีอารมณ์แปรปรวนและค่อนข้างก้าวร้าวโดยเฉพาะเมื่อดื่มแอลกอฮอล
ระหว่างที่ถูกส่งไปประจำการณ์ในยูเครน เขาเขียนนิยายหลายเรื่องที่ส่งไปพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น อย่างเรื่อง Psyche (1892), On a Moonlit Night (1893), In the Dark (1893)
1909 ได้รับรางวัลพุชกิ้น (Pushkin Prize) ร่วมกับบุนิน
1914 ช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 1 คุปริ้นเปิดบ้านของเขาที่แกตไซน่า (Gatchina) ชานเมืองจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กให้เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก และคุปริ้นไม่นานถูกเรียกเข้าไปเป็นทหาร ไปเป็นครูฝึกทหารในฟินแลนด์
1915 เขาถูกปลดประจำการณ์เพราะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ
1917 ช่วงการปฏิวัติกุมภาพันธ์ คุปริ้นให้การสนับสนุนฝ่ายปฏิวัติ เขาเข้าร่วมกับกลุ่ม World Literature ที่ก่อตั้งโดยกอร์กี้
1919 เมื่อกองทัพขาวนำโดยนายพลยูดนิช (Nikolai Yudenich) ยึดแก๊ตไชน่าเอาไว้ คุปริ้นได้มาทำงานเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ Prinevsky Krai (Приневский край) ซึ่งต่อต้านบอลเชวิค แต่ว่าไม่นานกองทัพขาวก็ต้องถอนทหารหนีไปทางตะวันตก คุปริ้นก็ต้องหนีไปพร้อมกับกองทัพขาวด้วย
1920 กรกฏาคม, คุปริ้นมาถึงกรุงปารีส ในฝรั่งเศสเขามีชีวิตที่ยากลำบาก และมีอาการป่วยด้วยโรคคิดถึงบ้านที่รุนแรง จนเขากลายเป็นคนติดเหล้า  ในเขาทำงานเป็นนักเขียนให้หนังสือพิมพ์ให้กับหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และมีผลงานเขียนออกมาบ้าง แต่ว่ารายได้เพียงเล็กน้อยทำให้ตัวเขาอยู่อย่างยากจนและมีหนี้สิน
1933 เขาเขียนนิยายกึ่งชีวประวัติของตัวเองออกมาในชื่อ Junkers
1937 เดินทางกลับรัสเซีย โดยได้รับคำเชิญจากรัฐบาลรัสเซียในยุคของสตาลิน (Joseph Stalin) ให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดี เขาไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักที่โกลิตซิน (Golitsyn) ซึ่งเป็นบ้านของสมาคมนักเขียนโซเวียต แต่ว่าสุขภาพที่ไม่ดีของเขาอยู๋แล้ว ทำให้เขาล้มป่วย
1938 25 สิงหาคม,​เสียชีวิตในเลนินกราด สาเหตุจากโรคมะเร็ง ร่างของเขาถูกฝังไว้ที่สุสานโวกอฟสโกเย่ (Volkovskoye Memorial Cemetery)

1942 เยลิซาเวต้า ภรรยาคนที่สองของคุปริ้น ฆ่าตัวตายระหว่างการปิดล้อมสตาลินกราด (Siege of Leningrad) โดยนาซีเยอรมัน
Don`t copy text!