Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Emiliano Zapata

อีมีเลียโน่ ซาปาต้า (Emiliano Zapata Salazar)
นักปฏิวัติในเม็กซิโก ผู้นำ Liberation Army of the South
ซาปาต้า เกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1879 เกิดในหมู่บ้านอเนเนคิลโก้ (Anenecuilco) ในรัฐโมเรลอส (Morelos, Mexico) ประเทศเม็กซิโก ครอบครัวของเขาเป็นเกษตรกร พ่อชื่อว่าเกเบรียล (Gabriel Zapata) และแม่ชื่อคลีโอฟาส (Cleofas Jertrudiz Salazar) ซาปาต้าเป็นลูกคนที่เก้าในพี่น้องทั้งหมดสิบคน ครอบครัวของเขามีสายเลือดผสมระหว่างชาวเสปนกับชนพื้นเมืองชาวนฮัวติ (Nahuati) ซึ่งสายเลือดผสมเรียกว่าเมสติซอส (mestizos)
ซาปาต้าได้เรียนหนังสือพื้นฐานกับครูของเขาชื่ออีมิลิโอ วาร่า (Emilio Vara)  จากนั้นก็ออกมาทำงานในไร่
ช่วงเวลานั้น เม็กซิโก มีประธานาธิบดีปอร์ฟิริโอ ดิแอซ (Porfirio Diaz) เป็นผู้ปกครองประเทศ  , ปธน. ดิแอช เป็นประธานาธิบดีจากการทำรัฐประหารในปี 1876 และปกครองเม็กซิโก้ต่อมาอีก 35 ปี ภาพพจน์ของเขาเป็นเผด็จการ แต่ก็มีฝ่ายหนึ่งที่ชื่นชมว่าเขาปรับปรุงประเทศให้เป็นเศรษฐกิจแบบใหม่ทันสมัยกว่าเดิม ส่งเสริมอุตสาหกรรม แต่อีกฝ่ายก็เห็นว่าเขคอร์รัปชั่นของ โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจของ ปธน.ดิแอซ ทำให้ที่ดินส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในมือของนายทุนร่ำรวย (hacendados) บางราย ที่ดินของคนพื้นเมืองถูกรัฐยึดไป ทำให้เกิดปัญหาในสังคมเมื่อเกษตรกร (campesinos) พากันประท้วงหลายครั้งเพื่อต่อต้านการถูกยึดที่ดินหรือถูกขับไล่ เป็นฉนวนของการปฏิวัติเม็กซิโก (Mexican Revolution)
1895 แม่ของเขาเสียชีวิตตอนที่เขามีอายุ 16 ปี และอีก  11 เดือนต่อมาพ่อของเขาก็มาจากไปอีกคน ทำให้ซาปาต้าต้องรับผิดชอบหน้าที่ในการดูแลครอบครัว โดยเขาได้ทำงานเป็นแรงงานก่อสร้าง และยังเป็นพ่อค้ารับซื้อข้าวโพดจากไร่ไปส่งขายในเมือง นอกจากนั้นเขายังทำไร่ปลูกแตงโม และมีความสามารถในการฝึกและบังคับม้าด้วย
1897 ซาปาต้าถูกจับในขณะที่ออกไปประท้วงต่อต้านการถูกยึดที่ดินในหมู่บ้านของเขา ซึ่งต่อมาได้รับการอภัยโทษ และถูกเกณฑ์เป็นทหารนานหกเดือน ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวเพราะถูกเจ้าของที่ดินรายหนึ่งจ้างไปเป็นคนเลี้ยงม้าในเม็กซิโกซิตี้
1906 เดินทางไปร่วมการประชุมของเกษตรกรที่เคาต์ลา (Cuautla) เกี่ยวกับการป้องกันที่ดินของพวกตน
1908 เข้าร่วมกับกองทหารที่ 9  (9th Regiment) ของรัฐบาล  ในคูร์นาวาค่า (Cuernavaca) ซึ่งต่อมาซาปาต้าจึงได้มีโอกาสไปดูแลม้าของอิกนาซิโอ้ ตอร์เร่ (Ignacio de la Torre) ลูกชายขอบ ปธน.ดิแอ๊ช
สาเหตุที่ซาปาต้าสมัครเข้่าเป็นทหารเป็นเพราะว่าเขาหนีความผิด ในการพาเด็กผู้หญิงหนี เธอชื่อ อิเนส (Ines Alfaro Aguilar) ซึ่งพ่อของหญิงสาวจะเอาผิดกับเขา , ภายหลังซาปาต้าและอิเนส มีลูกด้วยกันสองคน ชื่อนิโคลัส (Nicholas) และอิเลน่า (Elena Zapata Alfaro)
1909 ซาปาต้าได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้นำของหมู่บ้านอเนเนคิลโก้ เขาเปิดการเจรจากับบรรดาเจ้าของที่ดินใหม่ที่อ้างกรรมสิทธิในที่ดินของหมู่บ้านล้มเหลว ซาปาต้าและชาวบ้านก็จับอาวุธขึ้นเพื่อปกป้องที่ดินของพวกเขา
1910 ช่วงการปฏิวัติเม็กซิโก (Mexican Revolution, 1910-1920)
ซาปาต้า ก่อตั้งกองกำลังของตัวเองขึ้นมาชื่อว่า Liberation Army of the South (Ejercito Libertador del Sul , ELS
ฟรานซิสโก้ มาเดโร่ (Francisco Madero) มหาเศรษฐีและผู้มีอิทธิพลอยู่ทางเหนือของประเทศ แพ้ในการเลือกตั้งให้กับ ประธานาธิบดีดิแอซ , มาเดโร่ได้หนีไปยังสหรัฐฯ ก่อนที่จะประกาศว่าตัวเองเป็นประธานาธิบดีและได้เดินทางกลับมายังเม็กซิโกอีกครั้ง โดยชูนโยบายปฏิรูปที่ดิน ตามแผนซานหลุยส์ โปโตซี (Plan of San Luis Potosi) ซึ่งมีเกษตรกรจำนวนมากให้การสนับสนุนเขา ซาปาต้าและพวกจึงร่วมสนับสนุนมาเดโร่ในการรบกับ ปธน.ดิแอซ ด้วย 
1911 19 พฤษภาคม, ซาปาต้าและกองกำลังของเขาบุกยึดเมืองเคาต์ลา  และปิดเส้นทางสายหลักที่จะไปยังเมืองหลวงกรุงเม็กซิโกซิตี้ ในขณะที่ปานโช่ วิลล่า (Pancho Villa) พันธมิตรของซาปาต้าก็รบอยู่ทางเหนือของประเทศ
ไม่นานหลังจากนั้นประธานาธิบดีดิแอซได้ประกาศลาออก  หลังการพ่ายแพ้ในการรบที่คิอุแดด จัวเรซ ( Battle of Ciudad Juárez) และได้หนีไปยังฝรั่งเศส ได้แต่งตั้งประธานาธิบดีรักษาการแทน คือ ฟรานซิสโก้ ลา บารร่า (Francisco Leon de la Barra)
สิงหาคม, มาเดโร่ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี 
10 สิงหาคม, ซาปาต้า แต่งงานกับ โจเซฟา ซานเชซ (Josefa Expejo Sanchez) เธอได้รับฉายาว่า “The General”   พวกเขามีลูกด้วยชื่อ Anita, Carlota และ Diego Mateo 
นอกจากโจเซฟาแล้วซาปาต้า ยังมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอีกหลายคน อาทิ 
เปตรา (Petra Portillo Torres) มีลูกสาวชื่อ อนิต้า (Pualina Ana Maria Zapata Portillo, 1915-200) อนิต้าเป็นนักรณรงค์สิทธิสตรีที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในอเมริกาใต้ เธอเสียชีวิตในปี 2010
และอาจจะมีความสัมพันธ์กับ หลุยซ่า เมริโน่ (Luisa Merino) และ อกาปาติ ซานเชซ (Agapati Sanchez)
หลังจากดำรงตำแหน่งไม่นาน ความสัมพันธ์ของประธานาธิบดีมาเดโร่กับซาปาต้าก็เสื่อมทรามลง เพราะว่า ปธน.มาเดโร่ ไม่ตอบสนองกับการเรียกร้องในการปฏิรูปที่ดินของซาปาต้าอย่างจริงจัง และซาปาต้าก็ปฏิเสธที่จะให้กองกำลังของเขาวางอาวุธจนกว่าที่จะมีการคืนที่ดินให้กับเกษตรกรพื้นเมือง ปธน.มาเดโร่ จึงได้ส่งกองทัพรัฐบาลเข้ารบกับกองกำลังของซาปาต้า
ซาปาต้าหนึไปยังทางตะวันตกของพัวบลา (Puebla) และร่วมมือกับครูของเขา โอติลิโอ้ มอนตาโน่ (Otilio Montano Sanchez) ทำแผนเพื่อปฏิรูปเกษตรกรรมของพวกเขาเอง
29 พฤศจิกายน,​ ซาปาต้าประกาศแผนปฏิรูปที่ดิน  ชื่อว่าแผน The Plan of Ayala โดยมีการประกาศให้ ปาสคัวล์ โอรอซโค่ (Pascual Orozco) เป็นผู้นำการปฏิวัติครั้งใหม่ ด้านการปฏิรูที่ดินมีการสัญญาว่าจะยึดที่ดินคืนจากเจ้าของที่ดินรายใหญ่ 1 ใน 3 คืนให้กับเกษตรกร  ซาปาต้า ใข้สโลแกนของแผนของพวกเขาว่า Tierra y Libertad (Land and Liberty) และ The Land belongs to the tiller
ในทางปฏิบัติแล้วซาปาต้าใช้กำลังยึดที่ดินจากเศรษฐีเจ้าของที่ดินโดยที่ไม่ได้จ่ายค่าชดเชย และมักจะสังหารเจ้าของที่ดิน
กองกำลังของโอรอซโค่ นั้นสู้กับกองทัพรัฐบาลอยู่ที่ชิฮัวฮัว (Chihuahua) ใกล้กับพรหมแดนสหรัฐฯ ในขณะที่กองกำลังของซาปาต้านั้นอยู่ทางใต้ของกรุงเม็กซิโกซิตี้
1913 กุมภาพันธ์,นายพลวิโคเรียโน่ ฮูต้า (General Vicoriano Huerta) ทำการรัฐประหาร และสังหารประธานาธิบดีมาเดโร่, ซาปาต้าเมื่อทราบข่าวก็นำกองกำลังมายังชานกรุงเม็กซิโกซิตี  นายพลฮูต้าพยายามเจรจากับเขาให้เข้ามาเป็นฝ่ายเดียวกัน แต่ซาปาต้านปฏิเสธ
เวนันติอาโน่ คาร์รันซ๋า (Venustiano Carranza)  นักการเมืองซึ่งมีอิทธิพลทางตอนเหนือของเม็กซิโก้ตั้งกองทัพ  The Constitutionalist Army ขึ้นมาเพื่อสู้กับทหารของนายพลฮูต้า เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งทหารไปยังทางเหนือ
1914 กำลังของซาปาต้าและวิลล่า เข้ามาถึงเม็กซิโก้ซิตี้ได้สำเร็จ  นายพลฮูต้าก็หนีออกนอกประเทศไป
คาร์รัสซ่า จึงขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทน แม้ว่าซาปาต้าและวิลล่าจะไม่เห็นด้วย
ตุลาคม, ซาปาต้าได้เรียกร้องให้มีการประชุมระหว่างกลุ่มปฏิวัติกลุ่มต่างๆ ซึ่งได้จัดขึ้นที่เมือง Aguascalientes โดยที่ปานโช่ วิลล่า ได้เข้าร่วมประชุม  ซึ่งเขาและซาปาต้าได้ตกลงตั้ง นายพลกูเตียร์เรซ (General Eulalio Gutierrez) มารักษาการณ์ตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ว่าคาร์รานซ่า ปฏิเสธแนวคิดนี้ และได้ยกกองทหารของตัวเองมายังเวราครูซ (Veracruz)
1915 ซาปาต้านำกำลังของเขาถอยกลับไปตั้งหลักอยู่ที่รัฐโมเรลอส  และทำเพียงป้องกันตัวจากกองทหารของ The Constitutionalist Arm
ในโมราลอสนี้ ซาปาต้าได้ก่อตั้ง Rural Loan Bank เป็นองค์กรแห่งแรกของเม็กซิโกที่ปล่อยสินเชื้อให้กับเกษตรกร, ตั้งโรงเรียนขึ้นหลายแห่ง และ  ซาปาต้ายังพยายามที่จะปฏิรูปอุตสาหกรรมน้ำตาลในรัฐให้กลายเป็นรูปแบบบริษัท
1917 16 พฤษภาคม, โอติลิโอ้ มอนตาโน่ ถูกซาปาต้าสั่งลงโทษประหาร
1919 10 เมษายน, ถูกลอบสังหาร โดยคนของพันโทเยซูส เกาจาร์โด (Colonel Jesus Guajardo) ซึ่งได้รับคำสั่งจากนายพลกอนซาเลซ (Gen.Pablo Gonzalez) มาอีกทอดหนึ่ง พ.ท.เกาาร์โดได้วางอุบายหลอกนัดซาปาต้ามาเจรจากันในไชน่าเมคา  (Hacienda de San Juan, Chinameca, Morelos) โดยหลอกว่าอยากจะแปรพักตร์จากฝ่ายรัฐบาลมาอยู่กับฝ่ายต่อต้าน เมื่อซาปาต้ามาตามนัด ทหารของเการ์จาร์โดก็สาดกระสุนเข้าใส่จนซาปาต้าเสียชีวิต

ร่างของซาปาต้าถูกฝังไว้ที่เคาต์ลา (Cuautla, Morelos)

Don`t copy text!