Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Jean-Paul Sartre

ฌอง-พอล ซาร์ต (Jean-Paul Charles Aymard Sartre)
ปรัชญา Existentialism, Phenomenology

ซาร์ต เกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 1905 ในกรุงปารีส, ฝรั่งเศส พ่อของเขาเป็นทหารเรือชื่อว่า ณอง-ปาพติสต์ (Jean-Baptiste Sartre) และแม่ชื่อแอน-มาเรีย (Anne-Marie Schweitzer) ซาร์ตเป็นลูกคนเดียวของบ้าน เขาเสียบิดาไปตั้งแต่ยังอายุเพียง 15 เดือนด้วยโรคไข้เหลือง
เมื่อพ่อเสียชีวิตไปแล้วแม่ได้พาเขาย้ายไปอยู่ที่เมืองมัวดง (Meudon) ในบ้านของตากับยาย ซึ่งตาของเขาคือคาร์ล ชไวต์เซอร์ (Carl Schweitzer) ที่อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปารีส เขาเป็นคนที่สอนหนังสือให้กับชาร์ตในวัยเด็ก
1915 ชาร์ตเริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนอองรี ที่  4 (Lycee Henri IV) ในปารีส
1917 ต่อมาเมื่อชาร์ตอายุได้ 12 ปี แอน-มาเรีย ได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง กับโจเซฟ (Joseph Mancy) และได้พาชาร์ตย้ายไปอยู่กับสามีใหม่ที่เมือราโฮเชลล์ (La Rochelle) ชาร์ตจึงย้ายมาเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมที่เมืองนี้ช่วงหนึ่ง
1920 ถูกส่งกลับไปเป็นนักเรียนประจำที่โรงเรียนอองรี ที่ 4
1922 ถูกย้ายมาอยู่ที่โรงเรียนหลุยส์ เลอ แกรนด์ (Lycee Louis Le Grand)
1924 สมัครเข้าเรียนที่โคโนร์แมล์ (Ecole Normale Superieure)
1926 ได้รับปริญญาด้านปรัญชาจากอีโคโนร์แมล์ ระหว่างนี้ได้ทำงานเขียนกาตูนย์ต่อต้านสงครามร่วมกับ Georges Canguihem
1929 ได้พบกับซีมง เดอ บัววาร์ (Simone de Beauvoir) ซึ่งขณะนั้น เดอ บัววาร์ ยังคงเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยปารีส (Sorbonne) ทั้งคู่มีความรักให้แก่กันและรักษาความสัมพันธ์นั้นมาอย่างยืนยาว โดยที่ไม่เคยแต่งงานกัน
ต่อมาซาร์ตถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหาร
1931 ปลดประจำการณ์จากกองทัพ จากนั้นได้เริ่มทำงานเป็นครู ระหว่างปี 1931-1945 เขาสอนอยู่ในเมืองเลอ ฮาฟร์ (Le Havre), ลีอง (Laon) และปารีส La Nausée (Nausea) เป็นนวนิยายเรื่องแรกของเขา ซาร์ตเริ่มเขียนครั้งแรกระหว่างที่ยังเป็นครูอยู่ที่เลอฮาฟร์
1933 ชาร์ตหยุดการสอนหนังสือไว้ช่วงหนึ่ง และเดินทางไปเบอร์ลิน เพื่อเข้าฟังเลคเชอร์ของเอ็ดมุนดื ฮัสเซิร์ล (Edmund Husserl) เกี่ยวกับปรัญชา Phenomonology (การศึกษาสิ่งหนึ่งโดยการฟังจากประสบการณ์และจิตสำนึกของคนๆ หนึ่ง เพื่อมองกลับไปที่สิ่งหนึ่งนั้นว่าเป็นอย่างไร)
1935 เขาและเดอ บัววาร์ร่วมเดินขบวนต่อต้านนาซีในปารีส การประท้วงทำให้กลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายอย่าง Popular Front  ชนะการเลือกตั้งในปีถัดมา
1936 ช่วงสงครามกลางเมืองในเสปน (Spanish Civil War)  ซาร์ตสนับสนุนฝ่ายต่อต้านฟาสซิสต์และนายพลฟรานโก้ (Francisco Franco)  โดยเขียนบทความลงใน Le Mur (The Wall)
1938 La Nausée พิมม์ออกมาเป็นครั้งแรก
1939 เมื่อสงครามโลก ครั้งที่ 2 เริ่มต้น เขาได้ถูกเกณฑ์เป็นทหารในกองทัพฝรั่งเศสอีกครั้ง โดยถูกส่งไปอยู่ในแผนกภูมิอากาศ ซึ่งมีหน้าที่คอยปล่อยบอลลูนเพื่อสำรวจสภาพอากาศ
1940 เยอรมันบุกฝรั่งเศส
มิถุนายน, ถูกทหารเยอรมันจับตัวเอาไว้ได้ระหว่างอยู่ที่เมืองพาด๊อก (Padoux) ต่อมาจึงถูกส่งตัวไปขังไว้ในเรือนจำนานเกือบหนึ่งปี
1941 เมษายน, ได้รับการปล่อยตัว ซาร์ตก็กลับไปทำงานเป็นครู โดยได้ตำแหน่งที่โรงเรียนคงดัวร์เซต (Lycée Condorcet) ในปารีส
พฤษภาคม, ร่วมกับเดอร์ บัววาร์ , ปอนตี้ (Merleau-Ponty) และนักเขียนอีกหลายคนก่อตั้ง Socialisme et Liberté กลุ่มใต้ดินของนักเขียนที่ต่อต้านรัฐบาล (Vinchy France) ขณะนั้นที่สนับสนุนนาซี  แต่ว่าไม่นานซาร์ตเองได้ปลีกตัวเองออกมาเพราะมุ่งไปกับงานเขียนแทน
ต่อมาได้ไปเรียนต่อที่เบอร์ลิน ภายใต้การสอนของอุสเซิร์ฟ (Husserf) และมาร์ติน ไฮเดกเกอร์ (Martin Heidegger)

1943 พิมพ์ Being and Nothingness ออกมา ซึ่งแสดงแนวคิดเกี่ยวกับปรัญชา Existentialism  ของเขาออกมา แต่งานของชาร์ต ได้รับอิทธิพลอย่างมากจาก Being and Time ของไฮเดอเกอร์
Existentialism ของซาร์ต บอกว่า  
“existence precedes essence” มนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมาก่อน (Existe) แล้วก็มีอิสระภาพในการเลือกที่จะเป็น (Essence) ,
“ man is condemned to be free”  แต่มนุษย์ก็จะถูกติติงเพื่อจะมีอิสระภาพ , เมื่อมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว และเลือกที่จะมีอิสรภาพ ก็ต้องรับผิดชอบต่อทุกการกระทำของตน
1945 เขาเกษียณตัวเองจากงานสอนหนังสือ และได้มาก่อตั้งแม็กกาซีนเกี่ยวกับวรรณกรรม Les Temps Modernes (Modern Times)  ร่วมกับ เดอ บัววาร์
1953 ได้รับเลือกเป็นสมาชิกของ World Peace Council
1959 ซาร์ตเป็นคนหนึ่งที่แสดงความเห็นสนับสนุนการปฏิวัติคิวบา (Cuban Revolution 1959) โดยเขาเขียนบทความในคอลัมน์ Hurricane over sugar ถึง 16 หัวเรื่อง ลงในหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส France-Soir นอกจากนั้นยังเขียนบทความให้กับสำนักข่าว Prensa Latina  ของคิวบา
หลังสงครามโลก ค
1960 ชาร์ตร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ 121 (Manifesto of the 121) เรียกร้องให้รัฐบาลฝรั่งเศสยึดครองอัลจีเรีย (Algerian) เขาเรียกปฏิบัติการของทหารฝรั่งเศสในอัลจีเรียว่าเป็นสังหารหมู่ และบอกให้รัฐบาลยอมรับผิด
Critique of Dialectical Reason
ปีนี้ชาร์ตได้เดินทางไปคิวบาพร้อมกับเดอ บัววาร์ และได้มีโอกาสพบกับเช (Che Guevara) ในฮาวาน่า

1964 The Words หนังสือชีวประวัติของเขาพิมพ์ออกมา
23 ตุลาคม, ได้รับการประกาศว่าเขาเป็นผู้ได้รับเลือกให้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม แต่ว่าซาร์ตได้ปฏิเสธการรับรางวัลดังกล่าว ซึ่งเขาให้เหตุผลว่า นักเขียนไม่ควรเอาตัวเองไปผูกไว้กับสถาบัน
1968 ชาร์ต สนับสนุนการประท้วงครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส (French Revolution 1968) ซึ่งนักศึกษาฝ่ายซ้ายราวสองหมื่นคนและแรงงานหลายล้านได้ทำการประท้วงด้วยการปิดโรงงานและสถานที่ราชการ
1973 ตั้งหนังสือพิมพ์รายวัน Libération
1980 15 เมษายน, เสียชีวิตในปารีส ขณะมีอายุ 74 ปี ร่างของเขาถูกนำไปฝังที่สุสานมองปาร์นาส (Montparnasse cemetery) โดยมีประชาชนหลายหมื่นคนร่วมในพิธีศพ

Don`t copy text!