หนังสือ Flores Historiarum (Flower of History) ปี 1228 โดยโรเจอร์ เวนโดเวอร์ (Roger of Wendover) อาร์ชบิชอฟชาวอาร์เมเนีย
เล่าว่า ชาวยิวชื่อคาร์ตาฟิลัส (Cartaphilus) ซึ่งเป็นคนเฝ้าประตูบ้านของปอนเตียส พิเลต (Pontius Pilate) ผู้ปกครองของเมืองจูเดีย (Judea) ของโรมัน เมื่อคาร์ตาฟิลัสได้เดินผ่านมาพบกับพระเยซูระหว่างที่พระองค์กำลังแบกไม้กางเขนใหญ่ขึ้นไปยังยอดเขาซึ่งพระองค์จะถูกตรีงกางเขน (Crucifixion) บนนั้น คาร์ตาฟิลัส ได้พูดบอกให้เยซูเดินเร็วๆ หน่อย (Go on quicker) ในขณะที่เยซูตอบมาว่า “ข้ากำลังจะไป, แล้วเจ้าจะต้องคอยไปจนกว่าข้าจะมีชีวิตคืนมา (I go; but thou shalt wait till i come)”
เรื่องคล้ายกันนี้ถูกเล่าซ้ำหลายครั้ง และยิวคนดังกล่าวก็ถูกเรียกขานกันในหลายชื่อ อาทิ Ahasuerus, Le Juif Errant, Juan Espera en Dios, ในอิตาลิ ชื่อของชาวยิวคาร์ตาฟิลัส ถูกเล่ากันในชื่อ Giovanni Buttadeo (“Strike God”) ในเยอรมัน ชาวยิวดังกล่าวถูกเรียกว่า Ewige Jude
1856 กุสตาฟ ดอร์ (Gustav Doré) ศิลปินฝรั่งเศส สร้างผลงานภาพเขียนชุดหนึ่งใช้ชื่อว่า “The Legend of the Wandering Jew” โดยที่ยิวคนที่ดูหมิ่นพระเยซูมมีอาชีพเป็นช่างทำรองเท้าในเยรูซาเรม ซึ่งเมื่อเขาทำการดูหมิ่นพระเยซู พระองค์จึงได้ตอบกลับมาว่า “จงพเนจรตลอดไป, จนกว่าข้าจะกลับมา” (Go on forever till i return)
1921 The Wandering Jew (The Life of Theodor Herzl) เป็นภาพยนต์ชีวประวัติของธีโอดอร์ เฮิร์ซ (Theodor Herzl) ชาวยิว บิดาแห่งไซออนนิสต์ (Father of Zionism) ซึ่งเล่าประวัติของเฮิร์ซ ในลักษณะคล้ายโมเสก
1940 หลังเยอรมันบุกโปแลนด์, โจเซฟ โกบเบลส์ (Joseph Goebbels) รัฐมนตรีโฆษณาชวนเชื่อ (Minister of Propaganda) ของนาซี ได้สร้างภาพยนต์เรื่อง Der Ewige Jude (The Eternal Jew) โดยถ่ายทอดว่าชาวยิวเป็นคนที่สกปรกเป็นพาหะของเชื้อโรคเหมือนหนู ,ขี้โกง ภาพยนต์ดังกล่าวถูกบันทึกภาพจากสถานที่จริงสลัมชาวยิวในโปแลนด์ และถูกนำออกเผยแพร่เพื่อเป็นเหตุผลในการกำจัดชาวยิว