Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Cicero

มาร์คัส ซิเซโร่ (Μάρκος Τύλλιος Κικέρων)

ซิเซโร่ หรือ ตูลลี่ (Tully) เกิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 106 BC ที่เมืองอาร์พินัม (Arpinum, Roman republic)  ทางใต้ของกรุงโรม เมืองหลวงของสาธารณรัฐโรมัน พ่อของเขาเป็นอัศวินของโรมัน (equestrian order) มีชื่อเดียวกันกับเขา ส่วนแม่ชื่อเฮลเวีย (Helvia) ซิเซโร่ มีน้องชายชื่อควินตัส (Quintus Tillius Cicero)  

นามสกุล “Cicero” เป็นคำภาษาลาติน หมายถึง ถั่วลูกไก่ (Chickpea) 

ซิเซโร่ได้รับการศึกษาตามแบบชาวโรมัน เขาสามารถพูดภาษาลาตินและกรีกได้  และเขายังเรียนวิชากฏหมายจาก สแคโวล่า (Quintus Mucius Scaevola), ไมเนอร์ (Gaius Marius Minor), รูฟัส (Servius Sulpicius Rufua) และปอมโปเนียส (Titus Pomponius) 

90-88 BC ซิเซโร่ เข้าเป็นทหารในกองทัพช่วงเวลาสั้นๆ เวลานั้นผู้บังคับบัญชาของเขาคือ สตราโบ (Gnaeus Pompeius Starbo) และซูลล่า (Lucius Cornelius Sulla)

c83 BC เขาเริ่มทำงานเป็นนักกฏหมาย 

79 BC เดินทางไปยังกรีซ, เอเชียไมเนอร์ 

75 BC ได้รับตำแหน่งเป็นเควเอสเตอร์ (Quaestors ~ เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการเงินของโรมัน) บนเกาะซิซีลี (Sicily) 

ต่อมาเขากลับมายังโรมเพื่อสู้ในคดี และสามารถว่าความเอาชนะควินตัส  (Quintus Hortensius Hortalus) ทนายที่มีชื่อเสียงของโรมขณะนั้นได้ ทำให้ซิเซโร่ได้รับการยอมรับมากในโรม

63 BC ได้รับตำแหน่งกงศุล (Consul) ตำแหน่งสูงสุดในโรมัน 

ระหว่างที่เขาอยู่ในตำแหน่งกงศุล เขาสามารถจับตัวคาติลีน (Catiline) และผู้สมรู้ร่วมคิดอีกห้าคนที่ต้องการจะก่อกบฏในโรมันได้ ทั้งหมดถูกตัดสินลงโทษตามคำสั่งของซิเซโร่ โดยที่ไม่มีการสอบสวน

60 BC ปอมปีย์ (Pompey), คราสซัส (Crassus) และซีซาร์ (Julius Caesar) ร่วมมือกันขึ้นมาเป็นใหญ่ในโรมัน (First Triumvirate) ซึ่งทั้งสามได้พยายามโน้มน้าวให้ซิเซโร่ ร่วมมือกับพวกเขาด้วย แต่ซิเซโร่มีท่าทีปฏิเสธ เพราะซิเซโร่สนับสนุนระบอบสาธารณรัฐและรัฐสภาขณะนั้นมากกว่า นั่นทำให้ซิเซโร่และพันธมิตรทั้งสามคนกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน

58 BC โคลเดียส (Clodius) คนสนิทของซีซาร์ ได้เสนอร่างกฏหมายให้ผู้ใดก็ตามที่ลงโทษชาวโรมันโดยที่ไม่มีการไต่สวนจะถูกลงโทษด้วยการยกเลิกสถานะพลเมืองของโรมัน ซึ่งกฏหมายนี้เป็นเครื่องมือในการโจมตีซิเซโร่ ที่สุดเมื่อกฏหมายที่ผ่าน ซิเซโร่ถูกยึดทรัพย์ และถูกห้ามไม่ให้เข้ามายังอิตาลีในรัศมี 500 ไมล์ 

ภายหลังเขาเดินทางกลับมายังโรมอีกครั้งเมื่อการเมืองเปลี่ยน โดยที่เขาได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างมาก 

ช่วงปี 55-51BC เขาใช้เวลาว่างเขียน On the Orator, On the Republic และ On the Laws

49 BC กลุ่มไทรอัมวิเรต สิ้นสุดลงเมื่อคราสซัสเสียชีวิต และซีซาร์ได้นำทหารยกทัพเข้ามาในอิตาลีเพื่อแย่งชิงอำนาจกับปอมปีย์ ขณะที่ซิเซโร่นั้นเข้าข้างปอมปีย์ 

48 BC ซีซาร์เป็นฝ่ายมีชัยชนะในสงคราม และเขากลายเป็นจักรพรรดิของโรมัน 

47 BC ซีซาร์ให้อภัยโทษกับซิเซโร่ อนุญาตให้เขากลับมายังโรมได้ แต่ว่าไม่อนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก ซิเซโร่จึงใช้ชีวิตที่เหลือในการศึกษาปรัชญา และเขียนหนังสือ

44 BC มีนาคม, ซีซาร์ถูกสังหาร (ides of March) โดยที่ซิเซโร่เป็นผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ แต่เขาไม่ได้มีส่วนร่วม  หลังซีซาร์เสียชีวิต ซิเซโร่หวังว่าโรมันจะกลับมาปกครองแบบสาธารณรัฐอีก แต่กลายเป็นว่าเกิดการแย่งอำนาจกันระหว่างมาร์ค แอนโทนี่ (Mark Antony) , อ๊อคเตเวียน (Octavian) และเลปิดัส (Marcus Lepidus)

ในที่ประชุมของสภาซีเนต (Senate) ของโรมัน ซิเซโร่ได้กล่าวสุนทรพจน์ ที่รู้จักกันว่าฟิลิปปิก (Philippics) ซิเซโร่กล่าวสนับสนุนอ๊อคเตเวียและโจมตีมาร์ก แอนโทนี

อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้ว มาร์ค แอนโทนี่, อ๊อคเตเวียน และเลปิดัส ตกลงแบ่งอำนาจกันได้ลงตัว แต่ซิเซโร่ได้กลายมาเป็นศัตรูของงมาร์ค แอนโทนี ที่เขาต้องการจะกำจัดทิ้ง 

43 BC มีนาคม, ซิเซโร่ ถูกสังหาร โดยเฮเรนนิอัส (Herenius)  ตามคำสั่งของมาร์ค แอนโทนี  , เฮเรนนิอัสได้รับคำสั่งให้ตัดศรีษะและมือของซิเซโร่ออก และนำเอาชิ้นส่วนนั้นไปตอกไว้ที่โพเดี้ยมในสภาซีเนตที่ซิเซโร่ได้กล่าวโจมตีเขา

ลูกชายของซิเซโร่ ชื่อมาร์คัส (Marcus) ขณะที่ซิเซโร่ถูกสังหารเขาอยู่ในกรีซ จึงรอดชีวิตมาได้ ภายหลังในปี 30 BC มาร์คัสได้รับตำแหน่งกงสุล ในสมัยของอ๊อคเตเวียน

Don`t copy text!