Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

William Colby

วิลเลี่ยม อี. โควบี้ (William Egan Colby)

ผู้อำนวยการของ CIA  ระหว่างปี 1973-1976 ผู้ดำเนินโครงการฟีนิกซ์ (Phoenix Program) ในช่วงสงครามเวียดนาม

โคลบี้ โคลบี้  เกิดวันที่ 4 มกราคม 1920 ในเซนต์พอล, มิเนโซตา (Saint Paul, Minesota) สหรัฐฯ  พ่อของเขาชื่อเอลบริดจ์ (Elbridge Colby) ซึ่งเป็นผู้อพยพมาจากอังกฤษ มีอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่ทหารและเป็นศาสตราจารย์ด้านภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย ส่วนแม่ชื่อมาร์กาเร็ต (Margaret Mary Egan)  ครอบครัวเธอเป็นชาวไอริช ซึ่งอาศัยและทำธุรกิจอยู่ในเซนต์พอล

เข้าเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนมัธยมเบอร์ลิงตัน (Burlington High School) ในเบอร์ลิงตัน, เวอร์มอนต์ (Burlington, Vermont) 

เข้าเรียนที่พริ้นตัน (Princeton University) ด้านรัฐศาสตร์

1941 จบปริญญาตรี โดยที่ทำวิทยานิพนธ์หัวเรื่อง “Surrender – French Policy toward the Spanish Civil War”

หลังจากนั้นได้สมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งเขาได้รับยศร้อยโท ประจำอยู่ในกองกำลังร่มชูชีพ

1943 ย้ายมาอยู่กับหน่วยข่าวกรอง OSS (Office of Strategic services) ซึ่งเป็นหน่วยนข่าวกรองของสหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการตั้ง CIA ขึ้นมา

1944 (Operation Jedburgh) ถูกส่งเข้าไปในฝรั่งเศสเขตที่นาซีเยอรมันยึดเอาไว้ ซึ่งตามแผน OSS จะส่งทหารเข้าไปด้วยการกระโดดร่มชูชีพ แล้วเจ้าหน้าที่เหล่านั้นมีหน้าที่ในการทำสงครามกองโจรในพื้นที่ของนาซี ในฝรั่งเศ, เนเธอรแลนด์และเบลเยี่ยม ส่วนหนึ่งเพื่อให้คนท้องถิ่นมีกำลังในการจับอาวุธขึ้นมาต่อต้านนาซีด้วย

1945 (Operation Rype) มาอยู่ในนอร์เวย์ ซึ่งทีมของโคลบี้ถูกส่งเข้ามาให้ระเบิดทำลายร่างรถไฟซึ่งถุกใช้เป็นที่ส่งกำลังพลสนับสนุนของนาซีในใกล้สิ้นสุดของสงครามโลก

หลังสงครามโลกยุติลง โคลบี้ได้ติดยศเป็นร้อยเอก 

หลังจากนั้นได้เข้าเรียนต่อด้านกฏหมายที่โรงเรียนกฏหมายมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia Law School)

แต่งงานกับบาร์บาร่า (Barbara Heinzen, 1920-2015) ซึ่งพวกเขามีลูกด้วยกัน 5 คน

1947 จบปริญญาตรีด้านกฏหมาย หลังจากนั้นได้เข้าทำงานฝึกหัดในสำนักงานกฏหมายของสมิธ โดโนแวน (William H. Smith Donovan) ซึ่งเป็นอดีตเจ้านหน้าที่ OSS ในนิวยอร์ก 

ปีนี้รัฐสภาผ่านกฏหมายตั้ง CIA ขึ้นมา

1949 ย้ายมาทำงานที่กรมแรงงาน (National Department of Labor) ในวอชิงตัน 

1950 เมื่อเกิดสงครามเกาหลี (Korean War) โคลบี้ก็ย้ายมาทำงานกับ CIA

1951 (Operation Gladio) ถูกส่งมาทำงานอยู่ที่สถานทูตสหรัฐฯ ในสวีเดน ซึ่งที่นี่เขาได้ร่วมในปฏิบัติการณ์กลาดิโอ ซึ่งตอนแรกปฏิบัติการณ์นี้ถูกอธิบายว่าเป็นการติดอาวุธให้กองกำลังพลเรือนเพื่อเตรียมความพร้อมในการต่อต้านคอมมิวนิสต์โซเวียตในช่วงหลังสงคราม แต่ว่าถูกเปิดโปงภายหลังว่าเป็นการก่อการร้ายและอาชญากรรมเพื่อใส่ร้ายฝ่ายคอมมิวนิสต์ และโซเวียต เพื่อไม่ให้คอมมิวนิสต์ขยายตัวในยุโรปได้

1953 ย้ายมาอยู่ในสถานทูตที่อิตาลี เพื่อทำงานสนับสนุนพรรคการเมืองที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์ให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในอิตาลี

1959 ย้ายมาอยู่ในสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงไซง่อน, เวียดนามใต้ (Saigon, South Vietnam)

1962 เป็นหัวหน้าแผนกยุทธศาสตร์ดินแดนตะวันออกไกลของ CIA (Far East Division)

1965 (Phoenix Program, 1865-1872) สหรัฐฯ เริ่มใช้โครงการฟีนิกซ์ ซึ่งโคลบี้เป็นผู้อำนวยการปฏิบัติการนี้ ซึ่งในปฏิบัติการณ์นี้ทหารสหรัฐฯ ได้สังหารชาวเวียดกง (Viet Cong) หรือชาวเวียดนามที่ต้องสงสัยว่าเป็นคอมมิวนิสต์โดยวิธีการที่โหดเหี้ยมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการเผาด้วยเครื่องพ่นเพลิง (Flamethorwer)  ซึ่งผู้เสียชีวิตเพราะโครงการฟีนิกส์นี้ ประมาณ 20,000-60,000 คน

1968 ถูกส่งไปทำงานที่สถาบันทหารในเวียดนามม โดยที่มีตำแหน่งบังหน้าเป็นผู้แทนของสถาบันเพื่อการพัฒนานานาชาติ (Agency for international development)

1973 4 กันยายน, ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) แต่งตั้งให้โคลบี้เป็นผู้อำนวยการของ CIA 

11 กันยายน, (Chilean coup d’etat) CIA เข้าไปสนับสนุนการรัฐประหารในประเทศชิลี  โดยโค่นล้มรัฐบาลประธานาธิบดีอัลเลนเด้ (Salvador Allende) ลงและสนับสนุนนายพลปิโนเช่ (Augusto Pinochet) ขึ้นมาแทน 

1976 30 มกราคม, พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการของ CIA เมื่อประธานาธิบดีเจรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Ford) ได้แต่งตั้งจอร์จ เอช. บุช (George H. W. Bush) มาแทนตำแหน่งของเขา

ซึ่งหลังจากพ้นตำแหน่งเขาก็ลาออกจากราชการ

1977 เขียนหนังสือ Honorable Man : My Life in the CIA

1985 หย่ากับบาร์บาร่า  และแต่งงานใหม่กับแซลลี่ (Sally Shelton-Collby

1996 27 เมษายน, โคลบี้ออกไปพายเรือแคนนูในแม่น้ำวิโคมิโค่ (Wicomico river) ใกล้กับบ้านพักตากอากาศของเขาในแมรี่แลนด์ (Rock Point, Maryland) แล้วเขาก็ขาดการติดต่อไป จนวันต่อมามีการพบเรือแคนนูลอยอยู่ห่างออกไปราาวครึ่งกิโลเมตรจากบ้านของเขา แต่ว่ายังไม่พบโคลบี้

6 พฤษภาคม, ศพของโคลบี้ถูกค้นพบว่าติดอยู่ใต้น้ำ ในสภาพที่คว่ำหน้า ซึ่งต่อมาหมอจอห์น (John E. Smialek) แพทย์ที่ทำหน้าที่ชันสูตรร่างของเขา คาดว่าโคลบี้น่าจะเกิดอากาณหัวใจวายหรือเส้นเลือดในสอมงแตก เพราะว่ามีการพบลิ่มเลือดจำนวนมาก ทำให้เขาหน้ามืดและตกลงไปในแม่น้ำ

14 พฤษภาคม, ร่างของโคบี้ถูกประกอบพิธีที่สุสานอาร์ลิงตัน (Arlington National Cemetery) 

2011 ภาพยนต์  “The Man Nobody Knew: In Search of My Father, CIA Spymaster William Colby” กำกับโดยคาร์ล (Carl Colby) ลูกชายคนที่สองของโคลบี้ ซึ่งภาพยนต์นี้คาร์ลคาดว่าพ่อของเขาอาจจะเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย จากความสำนึกผิดระหว่างปฏิบัติหน้าที่ใน CIA

Don`t copy text!