Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Spanish Civil War

สงครามประชาชนสเปน (La Guerra Civil) 
17 กรกฏาคม 1936- เมษายน 1939
กันยายน 1923 นายพลมิกูเอล ปริโม เดอนะ ริเวร่า (Miguel Primo de Rivera) ทำการรัฐประหาร เขายกเลิกรัฐสภาและพรรคการเมืองทุกพรรคไป  นายพลริเวร่าพยายามทำการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัย ตามแบบอย่างฟาสซิสต์ในอิตาลี แต่การปฏิรูปของเขาล้มเหลว และด้วยการกดดันจากสังคมและกษัตริย์อัลฟอนโซ่ ที่ 13 (King Alfonso XIII) นายพลริเวร่า ก็ได้ลาออกในวันที่ 28 มกราคม 1930 
1931 กษัตริย์อัลฟอนโซ่  ได้ประทานให้มีการเลือกตั้งรัฐสภา พร้อมกับเลือกว่าจะให้มีสถาบันกษัตริย์ต่อไปหรือไม่ ซึ่ง 
12 เมษายน, ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าฝ่ายรีพับพลิกัน (Republican) มีชัยชนะในการเลือกตั้ง
14 เมษายน, ระบอบกษัตริย์ถูกยกเลิก สเปนการเป็นสาธารณรัฐ และกษัตริย์อัลฟอนโซ่  ได้เสด็จลี้ภัยไปยังกรุงโรมแต่ไม่มีการสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้นมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (Constituent Cortes) ขึ้นมา โดยผู้มีบทบาทสำคัญในการยกร่างรัฐธรรมนูญคือจูเลี่ยน เฟอร์นันเดซ (Julián Besteiro Fernández) นักการเมืองแนวสังคมนิยม ซึ่งได้รับเลือกเป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ 
9 ธันวาคม, ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตราแรกได้บัญญัติว่าสเปนเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยของกรรมชีพทุกชนชั้น (Spain is a democratic Republic of Workers of all classes)  แคว้นคาตาโลเนีย (Catalonia) ยังได้รับสิทธิในการปกครองตัวเองตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย
10 ธันวาคม, นิซโต้ อัลคาล่า-ซาโมร่า (Niceto Alcalá-Zamora) นายกรัฐมนตรีขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐสเปน
สาธารณรัฐสเปนนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่สเปนใช้การปกครองโดยไม่มีกษัตริย์  ซึ่งรัฐบาลสาธารณรัฐสเปนที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ส่วนใหญ่เป็นพวกชนชั้นกลางที่มีแนวคิดแบบสังคมนิยม ซึ่งการปฏิรูปประเทศในช่วงสองปีแรกของรัฐบาลถูกต่อต้านจากชนชั้นสูง, ศาสนาต่างๆ และกองทัพ การปฏิรูปยังทำให้สเปนสูญเสียอธิปไตยเหนือคาตาโลเนีย และบาสก์ (Basque) ไปอย่างไม่เป็นทางการด้วย 
1932 10 สิงหาคม, (Sanjurjada) มีความพยายาทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลของฝ่ายรีพับพลิกันแต่ว่าล้มเหลว ความพยายามรัฐประหารครั้งนี้นำโดยนายพลโจเซ่ ซานเจอร์โจ (Jose Sanjurjo)
1933 มกราคม, อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (Chancellor) ของเยอรมัน
ฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้รับเสียงส่วนใหญ่ภายในรัฐสภา ฝ่ายสังคมนิยมตอบโต้ด้วยการจัดให้มีการประท้วงในอัสตูเรีย (Asturias) ซึ่งเป็นเขตที่มีกรรมกรจำนวนมาก เพราะเป็นแหล่งเหมืองถ่านหินสำคัญของประเทศ ขณะที่ในคาตาโลเนียก็เกิดการประท้วงใหญ่ในบาเซโลน่า
1935 pronunciamiento (a declaration of military opposition) นายพลฟรานซิสโก้ ฟรานโก้ (Francisco Franco) ซึ่งเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด
1936 กุมภาพันธ์, ในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฏร กลุ่มฝ่ายซ้าย the Popular Front ได้รับเสียงส่วนใหญ่ในการเลือกตั้ง มานูเอล อซาน่า (Manuel Azana) จึงได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลของเขาดำเนินนโยบายปฏิรูปที่ดิน
นายพลฟรานโก้ถูกสั่งย้ายให้ไปอยู่ในหมู่เกาะคานารี, ชายฝั่งแอฟริกา (Canary Islands) เพื่อลดอิทธิพลของเขา
17 กรกฏาคม, นายพล ฟรานโก้  ซึ่งอยู่ในโมร็อกโก ออกประกาศทางวิทยุเรียกร้องให้ทหารทำการปฏิวัติโค่นอำนาจฝ่ายซ้ายในรัฐบาล การปฏิวัติครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของสงครามประชาชนสเปน ฝ่ายกบฏที่นำโดยนายพลฟรานโก้ ถูกเรียกว่าเป็นพวก Nationalist 
18 กรกฏาคม, นายพลกอนซาโล (Gonzalo Queipo de Llano y Sierra) ซึ่งอยู่ฝ่ายเดียวกับนายพลฟรานโก้ สามารถยึดเมืองเซวิลล์ (Seville) เอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารของกองทัพ Nationalist ทางตอนใต้ 
19 กรกฏาคม, นายกรัฐมนตรีคาซาเรส คูโรก้า (Casares Quiroga) ทนแรงกดดันไม่ไหวก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง และดิเอโก้ บาร์ริโอ (Diego Martinez Barrio) รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน  แต่ว่าเขาอยู่ในตำแหน่ไงกี่ชั่วโมงก็ลาออกเช่นกัน
โจเซ่ ไจรัล (Jose Giral) รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
สิงหาคม, ฝรั่งเศสและอังกฤษเลี่ยงที่จะเกี่ยวข้องกับสงครามในสเปนในระยะแรกจึงได้ทำสัญญากันที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงเหตุการณ์ภายในของสเปน (Non0Intervention Agreement 1936)
1937 นายพลฟรานโก้รวมกับกลุ่ม Nationalist กลุ่มต่างๆ เอาไว้ภายใต้พรรคเดียว คือพรรคฟาสซิสต์ Falange ซึ่งฝ่ายของนายพลฟรานโก้สามารถโน้มน้าวฮิตเลอร์และมุสโสลินีให้หันมาสนับสนุนเขาได้ ฝ่าย Nationalist จึงได้รับการสนับสนุนด้านยุทโธปกรณ์ต่างๆ จากอิตาลีและเยอรมัน ในขณะที่สหภาพโซเวียตให้การสนับสนุนฝ่าย Republican นอกจากนั้นผู้นิยมคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศกว่า 50 ชาติทั้งฝรั่งเศส, อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังได้รวมตัวกันเป็น International Brigades เพื่อช่วยสนับสนุนฝ่า Republican อีกแรง ซึ่ง International Brigades มีผลงานสำคัญคือการปกป้องบาเซโลน่าเอาไว้จากฝ่ายฟาสซิสต์ของนายพลฟรานโก้ในระยะแรก
มกราคม, รัฐสภาของสหรัฐฯ ออกคำสั่งห้ามขายอาวุธให้กับสเปนและห้ามประชาชนเข้าไปร่วมรบในสงครามที่สเปน
กุมภาพันธ์, สหรัฐฯ ส่งทหารเข้าไปรบในสเปน หน่วยที่มีชื่อเสียงอาทิ Abraham Lincoln Brigade
เมษายน, เยอรมันและอิตาลีส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดในเมืองกัวนิคา (Guernica) 
กรกฏาคม, ปิกัสโซ่ (Pablo Picasso) จัดนิทรรศกาลแสดงภาพเขียนของเขา
สิงหาคม, วาติกัน ให้การรับรองรัฐบาลของนายพลฟรานโก้ ว่าเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องของสเปน
1938 เมษายน, จอร์แดน ออร์เวลล์ (George Orwell) พิมพ์หนังสือ Homage to Catalonia นิยายซึ่งเล่าเกี่ยวกับการต่อสู้กับฝ่าย Nationalists ในสเปน 
ตุลาคม, International Brigades ถอนตัวออกจากสงครามในสเปน
1939 มีนาคม, นายพลฟรานโก้บุกยึดบาเซโลน่าของคาตาโลเนียเอาไว้ได้สำเร็จ
28 มีนาคม, ฝ่าย Republican ยอมแพ้อย่างเป็นทางการ สงครามประชาชนในสเปนจึงได้ยุติลง
กันยายน, นาซีเยอรมันบุกโปแลนด์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลก ครั้งที่ 2

1940 ตุลาคม,  เฮมิงเวย์ (Ernest Hemingway) พิมพ์นวนิยาย the Spanish Civil War For Whom the Bell Tolls ซึ่งเกี่ยวกับทหารอเมริกาที่เข้าไปรบในสเปน
Don`t copy text!