เซอร์เกย์ แม็กนิตสกี้ (Сергей Леонидович Магнитский)
แม็กนิตสกี้ เกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 1972 ในโอเอสสา, ยูเครน, สหภาพโซเวียต พ่อของเขาชื่อลีโอนิค (Leonid Maximovich) และแม่ชื่อนาตาเลีย (Natalia Nikolaevna)
1993 แม็กนิตสกี้จบการศึกษาด้านการเงินและบัญชีจากจากมหาวิทยาลัยเศรษฐกิจรัสเซีย, จี. เปลคานอฟ (Russian Economic University, G. V. Plekhanov, www.rea.ru )
1995 แม็กนิตสกี้เริททำงานเป็นนักสอบบัญชีให้กับบริษัท Firestone Duncan บริษัทที่ปรึกษาด้านภาษี ซึ่งก่อตั้งโดยนักกฏหมายสหรัฐฯ เจมส์ ไฟร์สโตน (James Firestone) และเทอร์รี่ ดันแคน (Terry Duncan)ในปี 1993
1996 บริษัท Firestone Duncan ได้ไปทำงานเป็นที่ปรึกษาภาษีให้กับ Hermitage Capital Management (HCM) ของวิลเลี่ยม บราวเดอร์ (William Felix Browder) , นักธุรกิจอังกฤษ เชื้อสายสหรัฐฯ HCM เป็นกองทุนต่างชาติขนาดใหญ่ที่สุดที่มาลงทุนในรัสเซียขณะนั้น
1998 แม็กนิตสกี้ ตั้งบริษัท Jason and the Argonauts จดทะเบียนบนเกาะ Isle ให้บริการเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออก
2008 24 พฤศจิกายน, แม็กนิตสกี้ถูกจับ จากข้อหาช่วย HCM หลีกเลี่ยงภาษี ระหว่างถูกคุมขังแม็กนิสกี้ได้ร้องเรียนเกี่ยวกับสภาพสุขอานามัยภายในที่คุมขังหลายร้อยครั้ง ทำเขาถูกย้ายเรือนจำอยู่บ่อยๆ
2009 เมษายน, เขาถูกย้ายมาไว้ที่เรือนจำทรอสกาย่า (Matrosskaya Tishina)
14 กรกฏาคม, แพทย์พบว่าแม็กนิตสกี้ป่วยด้วยอาการอักเสบของะถุงน้ำดีอักเสบ (calculus cholecystitis) และต่อมาแพทย์พบหินในตับของเขา
16 พฤศจิกาจน, เสียชีวิต ซึ่งตอนแรกแพทย์บอกว่าเขาเสียชีวิตจากอาการตับอ่อนอักเสบ (pancreatic necrosis) แต่ว่าต่อมามีการเปลี่ยนสาเหตุการเสียชีวิตเป็นจากอาการหัวใจล้มเหลว ระหว่างถูกขังอยู่ในเรือนจำมาทรอสกาย่า
หลังจากแม็กนิสตกี้ เสียชีวิต วิลเลี่ยม บราวเดอร์ ได้ล๊อบบี้ ให้รัฐสภาสหรัฐฯ ออกกฏหมายที่รู้จักในปี 2012 ว่า the Magnitsky Act
แม็กนิสกี้มีภรรยาชื่อ นาตาเลีย (Natalia Valeryevna Zharikova) และมีลูกชายหนึ่งคนชื่อนิกิต้า
————คดีเกี่ยวกับแม็กนิสกี้ และ Magnitsky Act
2004 กระทรวงมหาดไทยของสาธารณรัฐกัลมิเกีย (Kalmykia) ได้ดำเนินคดีกับอีวาน เชอร์เกซอฟ (Ivan Cherkasov) ผู้บริหารของบริษัทคาเมย่า (Cameya) ซึ่ง บ.คาเมย่า เป็นบริษัทลูกของ Hermitage Capital Management ของวิลเลี่ยม บราวเดอร์ (William Browder) ในข้อหาการหลีกเลี่ยงภาษี
คดีนี้ต่อมาได้ถูกโอนให้ศาลในมอสโคว์เป็นผู้ดูแล
2007 มิถุนายน, เจ้าหน้าที่รัสเซียยึดเอกสารจากสำนักงานของ Firestone Duncan และพบว่ามีหลายบริษัท อาทิ Parfenion LLC, Ragland LLC, Mahaon LLC ที่เกี่ยวข้องกับ Hermitage Capital Management
เอกสารที่ค้นพบ ปรากฏว่า HCM มีการโอนเงินเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทในรัสเซีย อาทิ Gazprom, Surgutneftegaz, Rosneft อย่างผิดกฏหมาย เช่น ระหว่างปี 1997-2005 มีการโอนเงินจาก Ziff Brothers Investments มาซื้อหุ้นของ Gazprom กว่า 200 ล้านหุ้น
ซึ่งหลังถูกตรวจค้นเอกสารไม่นาน HCM ได้ขายทิ้งหุ้นของบริษัทิรัสเซียที่ถือเอาไว้ทันที
ศาลตัดสินว่าการกระทำของบริษัททำให้รัฐเสียหายเป็นเงิน 500 ล้านรูเบิ้ล หรือราว 230 ล้านเหรียญตามค่าเงินขณะนั้น
2008 วิลเลี่ยม บราวเดอร์ , อิวาน เชอร์เกซอฟ (Ivan Cherkasov) ถูกตั้งข้อหาหลีกเลี่ยงภาษี แต่ว่าทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในรัสเซียเพราะ วิลเลี่ยม บราวเดอร์ ถูกห้ามเข้ารัสเซียตั้งแต่ปี 2005 , อิวาน เซอร์เกซอฟ ออกจากรัสเซียตั้งแต่ปี 2007
2012 วิลเลี่ยม บราวเดอร์วิ่งเต้นให้รัฐสภา และรัฐบาลสหรัฐฯ ในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ออกกฏหมาย The Magnitsky Act ซึ่งลงโทษห้ามเข้าประเทศและห้ามทำธุรกรรมทางการเงินกับสหรัฐฯ ต่อเจ้าหน้าที่ทางการรัสเซียหลายคนซึ่งสหรัฐฯ อ้างว่าเกี่ยวข้องกับการตายของแม็กนิสกี้
2013 ศาลรัสเซียลงโทษจำคุก วิลเลี่ยม บราวเดอร์ เป็นเวลา 9 ปี จากคดีเลี่ยงภาษี แต่วิลเลี่ยม บราวเดอร์ไม่ได้อยู่ในรัสเซียอยู่แล้วจึงไม่ได้ติดคุก
2015 วิลเลี่ยม บราวเดอร์ เขียนหนังสือ Red Notice : How I Became Putin’s No. 1 Enemy อ้างว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับเขาเป็นการยัดข้อกล่าวหา และแม็กนิตสกี้ไม่ได้ตายโดยธรรมชาติแต่ถูกเจ้าหน้าที่รัสเซียทำให้ตายระหว่างถูกคุมขัง เพราะว่าเขากำลังสืบสวนการคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลรัสเซีย
วิลเลี่ยมอ้างว่าเจ้าหน้าระดับสูงของรัสเซียร่วมกับคอร์รัปชั่นภาษีเป็นเงินกว่า 230 ล้านเหรียญ
2016 แอนเดรีย เนกราซอฟ (Andrei Nekrasov) ผู้กำกับภาพยนต์ชาวรัสเซีย ซึ่งรู้จักกันดีว่าเขามักโจมตีประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) เนกราซอฟได้ทำสารคดีชื่อ The Magnitsky Act : Behind the the Scenes ร่วมกับบริษัท Piraya Film จากประเทศนอร์เวย์ ซึ่งสารคดีเรื่องนี้เปิดเผยความเป็นมาเกี่ยวกับคดีแม็กนิตสกี้และแสดงให้เห็นว่าวิลเลี่ยม บราวเดอร์ หลีกเลี่ยงภาษีจริงเป็นเงินกว่า 230 ล้านเหรียญ
อย่างไรก็ตาม ภาพยนต์เรื่องนี้มีกำหนดฉายในรัฐสภายุโรป วันที่ 27 เมษายน 2016 แต่ว่าต่อมาได้ถูกยกเลิก และไม่ได้รับอนุญาตให้ฉายในยุโรป สหรัฐฯ หรือแม้แต่ยูทูป