Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Pyrrho

ฟีร์โร(Πύρρων ο Ηλείος)
Skepticism
ฟีร์โรเกิดราวปี 365-360 B.C. ในเมืองอีลิส (Elis) เมืองชายฝั่งทะเลไอโอเนียน  พ่อของเขาชื่อเพลียสตาร์ชัส (Pleistarchus)  ไพร์โรมีน้องสาวชื่อฟีลิสต้า (Philista)  
แรกเริ่มนั้นไพร์โรเป็นศิลปินเขียนรูปภาพแต่ว่าต่อมาได้เปลี่ยนมาชอบปรัชญา 
ไพร์โรได้เรียนหนังสือกับดิโอจิเนส (Diggenes Laetius) , ไบรซัน (Bryson of Achaea) ซึ่งทั้งสองสอนแนวปรัชญาตามแบบโสเครตีส (Socrates)
ต่อมาไพร์โรได้มาเรียนกับอนาซาร์ชุส (Anaxarchus) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเดโมคริตัส (Demecritus)
จากบันทึกของดิโอจิเนส ได้บอกว่าไพร์โรนั้นเป็นศิลปินคนแรกที่ภาพเขียนของเขาถูกนำไปจัดแสดงในงานนิทรรศกาลของเมืองอีลิส
ไพร์โรและอนาซาร์ชุสได้มีโอกาสติดตามกองทัพของอเล็กซานเดอร์ (Alexandere the Great) ขณะที่ยกทัพไปอินเดีย ซึ่งเล่ากันว่าเขาได้พูดคุยกับนักปราญช์อินเดียที่ไม่ใส่เสื้อผ้า (Gymnosophists) ซึ่งว่ากันว่าอาจจะทำให้ไพร์โรได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจากอินเดีย
เมื่อกลับมายังกรีก เขาจึงได้ตั้งโรงเรียนขึ้นมาใหม่โดยสอนแนวคิดแบบ Skepticism ซึ่งเห็นว่าองค์ความรู้ของมนุษย์นั้นไม่แน่นอนหลายอย่าง ทั้งขึ้นอยู่กับมุมมอง ความรู้อาจจะถูกต้องแค่ในช่วงเวลาหนึ่ง  Skepticism จึงมีความเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะไปถึงความรู้ที่แท้จริง
ฟีร์โรสอนว่า เราต้องตั้งคำถามสามข้อ 1. สิ่งนั้นมันคืออะไร-เกิดขึ้นได้อย่างไร 2. สิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร  และ 3. เราควรจะคิดอย่างไรกับสิ่งนั้น  หลังจากตอบคำถามทั้งสามข้อแล้ว ความรู้ที่เราได้คือสิ่งปรากฏให้เราเห็น (things as appear to us) แต่เราก็ยังไม่เข้าใจเนื้อในของสิ่งนั้นอยู่ดี ซึ่งคนอื่นอาจจะเห็นต่างจากที่เราเห็นก็ได้  และเพราะเราไม่สามารถที่จะไปถึงความรู้ที่แท้จริงแน่นอนได้  ความคิดของเราต่อสิ่งนั้น (ตามข้อ 3) จึงควรที่จะปราศจากการตัดสิน (epoche – suspense of judgement)
Skepticism เชื่อว่าเป้าหมายสูงสุดของมนุษย์คือ Ataraxia (ความสุขภายใน)
275-270 BC. เสียชีวิต

ไม่มีงานเขียนของไพร์โรหลงเหลืออยู่เลยในปัจจุบัน แต่เรารู้จักคำสอนของเขาจากผลงานเขียนของติมอน แห่ง เพลียส (Timon of Phlius) ลูกศิษย์

Don`t copy text!