Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Charles Bonnet

ชาร์ล บอนเน็ต (Charles Bonnet)
parthenogenesis , Charles Bonnet Syndrome
บอนเน็ต เกิดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม  1720 ในเจนีวา, สาธารณรัฐเจนีวา (Geneva,  Geneva Republic) พ่อชื่อว่าปิแอร์ (Pierre Bonnet) และแม่ชื่อแอน-มาเรีย (Anne-Marie Lullin de Chateauvieux)  พวกเขาเป็นชนชั้นสูงในสังคมเวลานั้น 
บอนเน็ตได้รับการเรียนโดยจ้างติวเตอร์มาสอนที่บ้าน 
1935 สมัครเข้าเรียนที่สถาบันเจนีวา (Calvinist Academy) , บอนเน็ตมีนิสัยที่รักธรรมชาติ เขาได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ The Spectacle of Nature ของโนเอล แอนโตนี (Noel Antoine Pluche) เขาจึงเริ่มสะสมแมลงในช่วงที่เรียนอยู่ที่นี่ ทั่งที่เขานั้นลงเรียนด้านปรัชญาและฟิสิก
บอนเน็ตลาออกจากสถาบันก่อนที่จะเรียนจบ เพราะว่าพ่อของเขาขอร้องให้เขาเปลี่ยนไปเรียนด้านกฏหมาย
1738 หลังจากบอนเน็ต ได้อ่าน History of Insects ของ รีนี เรอมัวร์ (René Réaumur)  นักเขียนชาวฝรั่งเศส  เขาก็ตัดสินใจส่งจดหมายไปหา ซึ่งได้รับจดหมายตอบแนะนำให้เขาทำการทดลอง แยกเพลี้ยอ่อน (aphid) มาขังเอาไว้แยกจากเพลี้อยอ่อนตัวอื่นๆ ตลอดทั้งชีวิต เพื่อดูว่ามันจะสามารถมีลูกได้หรือไม่หากไม่ได้รับการผสมพันธ์กับตัวอื่น
1740 บอนเน็ตจับเพลี้อยอ่อนมาตัวหนึ่งตั้งแต่ที่มันเพิ่งเกิดมาใหม่ๆ แล้วก็มาเลี้ยงไว้เดี่ยวๆ  เมื่อเวลาผ่านไป 11  วันปรากฏว่าเพลี้ยอ่อนตัวนั้นยังสามารถให้กำเนิดเพลี้ยอ่อนใหม่ได้อีก 95 ตัว บอนเน็ตจึงเขียนการจดหมายไปบอกผลกับรีน และรีนซึ่งเป็นสมาชิกของสภาบันวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส (French Academy of Sciences) ได้นำเอาผลการศึกษาของบอนเน็ตไปรายงานให้สถาบันทราบ ซึ่งปรากฏการนี้ถูกเรียกว่า parthenogenesis การที่แมลงเพศเมียสามารถมีลูกได้โดยไม่ต้องอาศัยแมลงตัวผู้ เป็นผลงานการค้นพบครั้งสำคัญโดยบอนเน็ต
1745 มีผลงานเขียนเรื่อง Treaty of Insectology ซึ่งเขียนเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องแมลง มดและหนอน แต่ว่าหลังจากพิมพ์หนังสือออกมาแล้ว สายตาเขาก็แย่ลง ทำให้ภายหลังเขาเปลี่ยนไปศึกษาเกี่ยวกับพืชมากขึ้น
1754 พิมพ์ Research in the Usage of Leaves of Plants ซึ่งเขาได้เขียนข้อมูลหลายอย่างที่ได้จากการสังเกตุของเขา อาทิ เขาค้นพบว่าใบของพืชที่จมอยู่ในน้ำจะผลิตก๊าซออกมา, และยังค้นพบปรากฏการณ์ eninastic movement 
1760 บอนเน็ต เขียนอธิบายอาการซึ่งปัจจุบันเรียกว่า ชาร์ล-บอนเน็ต ซินโดรม (Charles Bonnet syndrome) เป็นอาการเกิดภาพล่วงตาหรือภาพหลอน กับผู้ป่วยที่มีสูญเสียการมองเห็นบางส่วนหรือถาวร , บอนเน็ตเอง บอกว่าเขาเห็นภาพของผ้าเช็ดปากสีน้ำเงินลอยอยู่ในห้อง หรือบางทีมองเห็นวงล้อลอยอยู่ในอากาศ
1764 Contemplation of Nature
1769 Philosophy of Palingenesis เป็นงานเขียนของเขาที่สนับสนุนทฤษฏี Preformatinism (ทฤษฏีซึ่งเป็นความเชื่อเก่าทางชีววิทยา ว่าสิ่งมีชีวิตพัฒนาขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตที่เหมือนตัวเองแต่ว่ามีขนาดเล็กกว่า)
บอนเน็ตใช้ชีวิตปั่นปลายอย่างเงียบๆ ในเมืองเกนธอด (Genthod) ใกล้กับเจนีวา เพราะมีปัญหาสุขภาพและสายตา ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่มาจากตระกูล De la Rive ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน แต่พวกเขาใกล้ชิดกับหลานชาย ชื่อ โฮเรซ (Horace-Benedict de Saussure) นักปีนแอลป์และได้เครดิตว่าเป็นผู้ประดิษฐ์เตาย่างพลังแสงอาทิตย์คนแรก

1793 20 พฤษภาคม , เสียชีวิตในเจนีวา
Don`t copy text!