Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Wassily Kandinsky

วาซิลี คานดินสกี (Вассилий Васильевич Кандинский)

บิดาแห่ง Abstract Art 

คานดินสกี เกิดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 1866 (4 ธันวาคม O.S.)ในครอบครัวนักธุรกิจในมอสโคว์  พ่อของเขาชื่อวาซิลี (Vasily Silvestrovich Kandinsky) และแม่ชื่อลิเดีย (Lidia Ticheeva)
1871 ตอนอายุได้ห้าขวบ ครอบครัวของเขาย้ายไปอยู่ที่โอเดสสา (Odessa) ซึ่งพ่อของเขามาเปิดโรงงานผลิตชา  วัยเด็กของคานดินสกีเขาได้เรียนการวาดรูปและดนตรีมาตั้งแต่ยังเล็ก แต่ว่าพ่อของเขาคาดหวังจะให้ลูกเรียนกฏหมาย และสืบทอดธุรกิจมากกว่า
1886  เข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมอสโคว์
1893 เรียนจบจากมหาวิทยาลัย 
1895 เข้าทำงานกับสำนักพิมพ์ Kushner and K ชองอิวาน คุชเนอร์ (Ivan Kushner)  บนถนนไพม์นอฟสกี ในมอสโคว์ (Pimenovsky st. , Moscow) 
1896 มหาวิทยาลัยตาร์ตู (University of Tartu (Dorpat) ) ในเอสธัวเนีย เสนอตำแหน่งศาสตราจารย์ให้กับเขา แต่ว่าคานดินสกีปฏิเสธ  เพราะเขาต้องการที่จะเดินทางไปมิวนิค เพื่อศึกษางานศิลปะของที่นั้น  โดยที่ภาพวาดอิมเพรชชั่นนิส  Haystacks (กองฟาง) ของโมเน็ต(Claude Monet) เป็นแรงดึงดูดให้คานดินสกีหันมาสนใจศิลปะอย่างจริงจัง คานดินสกีได้เห็นภาพนี้ตอนที่ถูกนำมาแสดงในมอสโคว์ 
เมื่อคานดินสกีมาถึงเยอรมัน เขาสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนแอนตัน แอซบ์ 
1900 เข้าเรียนที่สถาบันศิลปะมิวนิช (Munich Academy of Fine Arts) โดยได้เรียนศิลปะกับฟราซ์ สตัค (Franz von Stuck) ซึ่งเป็นศิลปินมือหนึ่งของเยอรมันในเวลานั้น  และในปี 1901 เขาได้ก่อตั้งสมาคมศิลปะ Phalanx 
1903 เขาหย่ากับภรรยาชาวรัสเซีย แอนนา ชิมย่ากินน่า (Anna Chimyakina) ซึ่งพวกเขาแต่งงานกันมากว่าสิบปี คานดินสกี พบรักใหม่กับศิลปินรุ่นน้อง ชื่อกาเบรียล่า (Gabriela Munter) ซึ่งหลังจากนี้หลายปีต่อเนื่องกันคานดินสกีและกาเบรียล่า เดินทางตระเวณท่องเที่ยวไปทั่วยุโรปเพื่อดูงานแสดงศิลปะ 
1909 ก่อตั้งกลุ่มสมาคมศิลปินใหม่แห่งมิวนิค (New Munich Art Association) โดยที่เขาเป็นประะธาน แต่ว่ากลุ่มนี้ถูก แต่ว่าถูกยกเลิกไปในปี 1911
1911 ช่วงเวลานี้มีภาพวาดของคานดินสกี ร่วมแสดงในนิทรรศกาลของกลุ่มศิลปินในรัสเซีย Jack of Diamonds ด้วย 
ธันวาคม ในมิวนิค , คานดินสกี ร่วมกับฟรานซ์ มาร์ค (Franz Marc) ก่อตั้ง Blue Rider (Der Blaue Reiter) มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ศิลปินออกแบบผลงานของตัวเองได้อย่างอิสระ และไม่ยึิดติดกับแนวทางการวาดรูปแบบดังเดิม โดยนอกจากพวกเขาสองคนแล้ว มีศิลปินคนอื่นอย่าง พอล คลี (Paul Klee) ออกัส แม็คกี  (August Macke) มาเรียนเน เวเรฟกิ้น (Marianne Werefkin) อเล็กซี แจวเรนสกี (Alexei Jawlensky) อัลเฟรด คูบิ้น (Alfred Kubin) โมเสส โคเชน (Moses Cohen) ร่วมเป็นสมาชิก  พวกเขาถูกเรียกว่าเป็นศิลปินแห่งเอ็กเพรชชั่นนิสต์ (Artists of Expressionist) 
Blue Rider พิมพ์หนังสือของตัวเองออกมาชื่อ The Blue Rider Almanac และมีการจัดนิทรรศกาลศิลปะ 2 ครั้ง , คานดินสกีบอกว่าผลงานของเขาได้รับอิทธิพลมาจากหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น ทฤษฏีสีของเกอเธ่ (Johann Goethe ’s theory of colors) ,งานแนว อาร์ต นูโว่ (Art Nouveau) และปรัญชาธีโอโซฟี (Theosophy) ของรูดอล์ฟ สไตเนอร์ 
1912 Concerning the Spiritual in Art ผลงานเขียนของคานดินสกี ที่เขาพยายามปูพื้นฐานของ Abstract art
1914  สิงหาคม เขาและภรรยาเดินทางไปอยู่ทีสวิสเซอร์แลนด์
ปลายปี คานดินสกี เดินทางกลับมายังมอสโคว์  โดยที่ภรรยาของเขาแยกเดินทางไปมิวนิค 
1917 กุมภาพันธ์ คานดินสกี แต่งงานกับ นิน่า แอนดรีฟสกาย่า (Nina Andreevskaya) ช่วงการปฏิวัติในรัสเซียนี้เขาสร้างผลงานศิลปะออกมาน้อยมาก เพราะหันไปทำงานทางด้านสังคม รณรงค์ไม่ให้มีการทำลายศิลปะของชาติ และทำหน้าที่สอนศิลปะที่สถาบันวัฒธรรมศิลปะ ( Institute of Artistic Culture) ในมอสโคว์ ซึ่งเพิ่งก่อตั้ง คานดินสกี ทุ่มเทให้กับการศึกษาทฤษฏีศิลปะ 
1918 Step (Ступени) หนังสือชีวประวัติของคานดินสกี ที่เขาเขียนเอง 
1921 ธันวาคม เขาลาออกจากสถาบัน เพราะแรงกดดันของคอมมิวนิสต์ที่ต้องการงานศิลปะที่เข้ากับอุดมคติสังคมนิยม (socialist realism) เท่านั้น  งานของคานดินสกี ถูกห้ามไม่ให้จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในโซเวียตอีก 
คานดินสกี เดินทางไปเยอรมัน โดยได้รับคำเชิญจากโรงเรียนศิลปะเบาเฮาส์ (Bauhaus architecture and Art Shcool) ให้มาสอนวิชาการออกแบบและทฤษฏีการวาดรูป 
1924 เขาร่วมกับ พอล คลี, อเล็กวี พอลเลนสกี  , Lyonel Feininger,  ก่อตั้งกลุ่ม  Blue Four (Die Blaue Vier) ซึ่งเผยแพร่ทฤษฏีเกี่ยวกับเส้นและสี 
1926 Point and Line to Plane ผลงานเขียนทฤษฏีศิลปะเล่มที่สองของเขา 
1928 เขาได้รับสิทธิเป็นพลเมืองของเยอรมัน 
1933 โรงเรียนเบาเฮาส์ ถูกนาซีสั่งปิด ช่วงเวลานี้ทำให้ภาพเขียนหลายภาพของคานดินสกีหายสาบสูญ  นาซีจัดงานศิลปะที่สร้างจากศิลปินชาวยิวหรือที่ไม่ใช่คนเยอรมันเป็น ศิลปะต้องห้าม (Degenerate art) 
คานดินสกี ได้ย้ายมาอยู่ที่นิวลี-ซู-เซน ( Neuilly-sur-Seine)ชานกรุงปารีส  ซึ่งเขาอาศัยอยู่ในวาระสุดท้าย ช่วงนี้มีผลงานสำคัญสองช้ินสุดท้าย Composition IX และ Composition X ถูกสร้างขึ้น แต่ว่าในยุคนั้นในปารีสให้ความสนใจกับคิมบิซิม(Cubism) และอิมเพรสชั่นนิส (Impressionism) จนงานของคานดินสกีถูกละเลย 
1939 ได้รับสัญชาติฝรั่งเศส
1944 13 ธันวาคม เสียชีวิต เขาถูกฝั่งที่สุสาน New Cemetery Neuilly 
Don`t copy text!